รายการ พุทธศาสนาตามภูมิ
วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564
ณ บวรราชธานีอโศก
ชมการบันทึกวิดีโอเทป
ฟังเทปบันทึกเสียง
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่
4 มิถุนายน 2564 แรม 9 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
วันนี้เป็นวันสุกดิบก่อนถึงงานอโศกรำลึก ก่อนลงมานี้ได้ดูเขาถ่ายทอดสด
ไปคอยรับวีรบุรุษ จากคนที่นักข่าวคอยต้อนรับคือลุงพล ศาลอนุญาตให้ออกจากคุกได้
ข่าวลุงพลดังกว่าลุงตู่อีก นักวิเคราะห์มองถึงเป็นยุคเสื่อมของสื่อ
สามารถทำให้ผู้ต้องหา กลับกลายเป็นดาราซุปเปอร์สตาร์ เป็นฮีโร่ขึ้นมา มี youtuber
ไปนอนทำข่าวเป็นร้อยคน มีคนเป็น FC เอาที่ดินราคาเป็นล้านไปประกันตัวให้
พรุ่งนี้เข้าสู่งานอโศกรำลึกครั้งที่
40 พ่อครูเปิดงาน 7:00 น. ถึง 8:30 น.
11:00
น. ถึง 13:00 น. มีรายการพิเศษคุยกับนักร้องนักแสดง
บ่ายสองโมงถึงบ่าย
4 โมงเป็นรายการโพธิบูชา
18:00
น. เป็นรายการน้อมกตัญญูบูชาพ่อครู
พ่อครูว่า…วันนี้วันดิบสุก
อุเบกขาสัมโพชฌงค์กับสมาธิ
_Pa Vo (ภา โว) :
พ่อท่านสอนว่าเมื่อจิตมีอุเบกขาแบบพุทธ จิตตกผลึกเกิดสมาธิ
(ขออภัยถ้าใช้ข้อความผิด) นั่นคือ อุเบกขา มาก่อน สมาธิ แต่ในโพชฌงค์ 7 ลำดับ
"สมาธิ" ก่อนแล้วจึงเป็น "อุเบกขา"
ขอพ่อท่านช่วยอธิบายความแตกต่าง / เมื่อจิตมีอุเบกขา มีสมาธิถูกตรงแบบพุทธ แนวทางการปฏิบัติต่อไปเพื่อให้บรรลุวิมุติ
นิพพาน จะต้องทำอย่างไรครับ กราบขอบพระคุณครับ
พ่อครูว่า…ความสลับซับซ้อนไปมา เป็นอจินไตย
เป็นสิริมหามายาที่ยากจะเข้าใจ โพชฌงค์ 7 เป็นหลักสำคัญ มี 3 ตัวหลักคือ
สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ มีสติขั้นวิริยะสัมโพชฌงค์ เป็นขั้นโพชฌงค์
ในหนังสือรวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร
วิจัย ธรรมวิจัย
วิจัยคือ วิจัยอะไรทุกอย่างได้ในโลก
ถ้าหยิบมา เป็นธรรมวิจัย ก็เป็นการวิจัยธรรมะ
ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์เป็นการวิจัยในขั้นแยกแยะโลกียะกับโลกุตระ
สัมโพชฌงค์หมายถึงองค์แห่งการตรัสรู้ หมายความว่ามันเป็นเนื้อหาสาระ
ของโลกุตระของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะที่เรียกว่าธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์
เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องสามัญธรรมดาเหมือนกันวิจัยต่างๆ เมื่อวิจัยครบ 3
องค์สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์
ก็จะเกิดผลวิจัยแล้วรู้จักกิเลสรู้จักวิธีการทำให้กิ่งหรือดับลง
เริ่มรู้ก็เป็นการวิจัยแล้ว เริ่มมีการปฏิบัติ สีลพรต
ทำแล้วกิเลสมันลดแล้วกิเลสลดอย่างไร ลดอย่างกดข่มหรือลดอย่างเห็นด้วยปัญญา
คือเห็นด้วยการเป็นฌาน แบบฌานวิสัยโลกุตระ
ฌานวิสัยโลกียะก็มี แบบเทวนิยม
แต่ฌานวิสัยที่เป็นของพุทธเป็นอจินไตยของพระพุทธเจ้าคิดเอาไม่ได้
เมื่อโพชฌงค์ 3 ปฏิบัติได้ก็จะเกิดยินดีมีปีติสัมโพชฌงค์ ปีติมี 5 แบบ
1. ขุททกาปีติ (ปีติเล็กน้อย)
2. ขณิกาปีติ (ปีติชั่วขณะ)
3. โอกกันติกาปีติ (ปีติเป็นพักๆ)
4. อุพเพงคาปีติ (ปีติแรงกล้า โลดลอย)
5. ผรณาปีติ (ปีติซาบซ่าน)
(จาก คัมภีร์วิสุทธิมรรค)
ควรให้เป็น ผรณาปีติ เป็นสำคัญ มีปีติ ชนิดแผ่บางเบาไปเฉยๆ
อาตมาอธิบายสภาวะเหล่านี้โดยใช้ภาษาพยัญชนะ คนยังไม่ถึงสภาวะก็เดาไม่ออก
แต่คนมีสภาวะรองรับสิ่งที่อาตมาอธิบายถึงก็จะค่อยๆรู้ว่ามันมีนัยยะที่ลึกซึ้งเข้าไปอีกอย่างนี้เอง
เพราะเป็นปีที่แล้ว
การจะให้สงบระงับการจะให้ถึงขั้นนิพพานแม้แต่เป็นปิติก็ต้องลดเป็นอุปกิเลส
เป็นกิเลสที่ซับซ้อนลึกซึ้ง อาการ ลิงค นิมิต
ไปหาปัสสัทธิ แปลว่าสงบระงับ เป็นคำของพระพุทธเจ้า เป็นการสงบระงับอย่างเห็น
ปัสสะ แปลว่าเห็นอยู่อย่างต้องต้องทนโท่หลัดๆ อิทธะ แปลว่า สำเร็จอย่างเห็น
กิเลสสงบมันหรี่ลงมันเบาลงมันจางคลายลงมันดับถึงขนาดนิโรธ เป็นความเกิดปีติ
ปัสสัทธิ ทวนไปทวนมาสงบระงับไปเรื่อยๆ
จนสูงสุดถึงขั้นอุเบกขา ซึ่งไม่ใช่อุเบกขาสัมโพชฌงค์ อุเบกขานี้จะเป็นเคหสิตอุเบกขาหรือเนกขัมสิตอุเบกขาก็ได้
หากอุเบกขาแล้วแยกได้ ก็สั่งสมลงเป็นสมาธิ
คำว่าสมาธิไม่ใช่ภาษาของพระพุทธเจ้า ภาษาสมาธิแปลว่าสงบตั้งมั่น
ในจรณะ 15 ไม่มีคำว่าสมาธิ แต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าสมาธิต้องเป็นจิตที่หมดอาสวะ
ในญานปัญญาวิชชา 9 น่าจะต้องเป็นอุเบกขาในฌาน 4 และเป็นเนกขัมมสิตอุเบกขาด้วย
จิตที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิทั้งหมดก็เป็นอุเบกขาแค่สั่งสมลงเป็นเคหสิตะอยู่
ก็เป็นสมาธิแค่เคหสิตะ แต่ถ้าเป็นจิตหมดอาสวะ
เห็นแจ้งอาสวะสิ้นโดยมีการสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย
และมีเงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขหลักอีก ลืมตามีกายหมดเลยมีอุเบกขาที่ชัดเจน อาสวะ
หมดชัดเจนอุเบกขาเป็นฌาน 4 สุดท้ายเป็นเนกขัมมสิตอุเบกขาด้วย
รู้ความต่างระหว่างเนกขัมมะกับเคหสิตอุเบกขาในเวทนา 108 มันต่างกันคนละอย่าง
ต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติ สัมมาปฏิเวธของพระพุทธเจ้า
จึงเป็นจิตที่รวมกันตกผลึกลง จึงเป็นจิตที่สะอาดเป็นอุเบกขาแท้
สะอาดจากกิเลสตกผลึกลงเป็นอุเบกขาเป็น
ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
เป็นจิตที่สะอาดตกผลึกตั้งมั่นแล้ว เรียกสมาหิโต ตั้งมั่นสมบูรณ์ที่สุด
ในเจโตปริยญาณ 16 ไม่เหลือเศษของ อสมาหิตะ ไม่เหลือเศษของอวิมุติ
ทั้งหลุดพ้นอย่างมีปัญญาและมีจิตตั้งมั่นเป็นสมาหิตะ นี่คือจิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ศึกษาไปให้ดีๆยังมีนัยยะที่ยังไม่ได้แยกแยะ
ยังไม่ได้ย้ำเน้นกันอีกเยอะ ก็ขอแวะนิดนึง
วันนี้วันสุดท้ายที่อาตมาจะอายุ 87 พรุ่งนี้เช้าประมาณ 8:00 น
แม่ไม่ได้บอกเวลาตกฟากที่ชัดเจน รู้แต่ว่า คลอดพอดีตอนพระกำลังกลับจากบิณฑบาต
อาตมาก็จะขึ้น 88 เมื่อ 8:00 น พรุ่งนี้ เริ่มเป็นผู้มีอายุ 88 ปี
เป็นขั้นพลังงานในระดับกฤษณะ หาก 7 ขั้นราม นี่ตามแบบฮินดู 8 ขั้นกฤษณะ 9 ขั้นพุทธะ 10 ขั้นกันกินยาวัดตาล
ของฮินดู เทวนิยม กัลกิยาวตาร จะเป็นอะไรก็ไปตามเรื่องของเขาแล้ว
อาตมาเป็นสายพุทธโดยตรงเป็นปัญญาธิกะโดยตรงมาตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้
จึงเป็นผู้ที่มารื้อขนสัตว์สืบทอดศาสนาพระพุทธเจ้าให้ยืนยาวไปถึงพุทธกัปพระพุทธเจ้าสมณโคดมคือ
5000 ปี นี่มัน 2560 กว่าปีแล้ว ยังไม่ได้บวก 45 นะ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาอายุ
45 ปีก็ต้องมาหักออก พระพุทธเจ้าเผยแพร่ธรรมะเมื่ออายุ 35 ปี หักออกจาก 80
ปีก็เหลือ 45
เอา 45 มาบวกกับ 2564 ก็เป็น 2609
แต่อาตมามาทำงานศาสนาก่อนบวช เริ่มต้นทำงานด้วยการเขียนหนังสือ
ซึ่งหนังสือที่กำลังพิมพ์ออกมาตอนนี้ คือ
หนังสือลำธารชีวิตเขียนตั้งแต่เป็นฆราวาสในหนังสือพิมพ์ของไทยโทรทัศน์ใช้นามปากกาหรือนามแฝงว่า
โพธิรักษ์
อาตมามีคอลัมน์ประจำ 2 คอลัมน์เขียนตอบปัญหาธรรมะโดยตรง
แนะนำหนังสือไทยโทรทัศน์กับหนังสือดาราภาพ หนังสือดาราภาพนี้ตอนนั้นดังมาก
ต่อมามีคนลอกเลียนแบบอีก 11 ฉบับ มีชื่อต่างๆ
อาตมาเปิดคอลัมน์ตอบปัญหาของคน ใช้นามปากกาว่าโพธิรักษ์
เล่าเจตนารมย์ของเราเองได้ว่า อาตมาตั้งนามปากกาว่า โพธิรักษ์ อาตมาเลือกแล้ว
อาตมาชื่อ รัก แต่รักษ์ เป็นคำวิสามัญนาม กำกับว่า เป็นการรักษา รักษาโพธิ
โพธิคือความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า จึงใช้นามปากกาว่าโพธิรักษ์ เป็นผู้รักษา
เป็นผู้ดูแล ตั้งแต่ตั้งนามปากกาเปิดคอลัมน์
ตอบปัญหาธรรมะตั้งแต่เป็นฆราวาสเขียนก่อนจะบวชประมาณ 2 ปี
ลำธารชีวิตรวบรวมมาจากในหนังสือนิตยสารเหล่านั้น
อาตมาได้มีเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบ้าง ส่วนหนังสือดาราภาพ นำไปรวมในหนังสือ ชื่อ
ชีวิตนี้มีปัญหา
อาตมาเขียนหนังสือในชีวิตนี้ของอาตมาเป็นร้อยๆเรื่องแล้ว
พิมพ์ออกมาเป็นล้านเล่มแล้ว
แต่มันไม่เหมือนหนังสือนวนิยายหนังสือบันเทิงที่เขารู้กันมันก็เลยไม่ค่อยกว้าง
คนก็ไม่รู้จักว่าเราเป็นนักเขียนอะไรเท่าไหร่ แต่เราเขียนไม่ใช่น้อย
เขียนมากกว่านักเขียนที่เขาดังอีก อย่างเช่น j.k. rowling เขียนแฮรี่พอตเตอร์เล่มเดียวดังไปทั่วโลก
ขายได้แลกเงินชาตินี้ก็กินไม่จบหรอก
แต่เราเสนอเนื้อแท้ธรรมะให้คนเข้าใจ เช่น มาจนประเสริฐกว่าไปรวย
ฟังเข้าใจในภาษานะ แต่ความรู้สึกหรือว่าความเป็นจริงจะเป็นตามได้นั้น มันยาก
ก็เข้าใจว่าเป็นคนจนเป็นคนประเสริฐนี้ดี เป็นคนน่ายกย่อง เป็นคนขยันหมั่นเพียร
มีความซื่อสัตย์จริงใจ มีความไม่โลภ ไม่สะสมไม่กักตุน
สร้างสรรค์ขยันหมั่นเพียรยิ่งกว่าคนขยันทางโลกีย์ คนโลกุตระนี้ขยันกว่าคนทางโลกีย์
สร้างสรรค์แล้วก็ไม่เอาเป็นของเรา
เพราะฉะนั้นเศรษฐศาสตร์ที่เป็นสาธารณโภคีจึงได้รายได้น้อย เป็น income
น้อย แต่ทำไมมันรู้สึกว่าเยอะ มันรู้สึกว่ามาก เอามาสร้างอะไรใหญ่โตได้
มันย้อนแย้งเป็นอจินไตยที่เข้าใจยาก
นักเศรษฐศาสตร์ก็ยังมึนตึ้บอยู่ว่าทำไมยังพูดอยู่ได้
อย่างที่ในหลวงได้ตรัสไว้ว่ามาจนนี่แหละคือข้อเสียคือผู้ที่ได้
มาจนไม่เอาเปรียบเอาร่ำรวย นักเศรษฐศาสตร์ฟังแล้วก็บอกว่าพูดอะไรนะ
สู่แดนธรรม...สิริมหามายามีทุกขั้นทุกตอนการบรรลุไหม
พ่อครูว่า...มี แต่คนระดับต้นๆ อย่าไปพูดถึงสิริมหามายาเลยยังไม่ได้
ร้านค้าชาวอโศกยังมีลาภแลกลาภหรือไม่
_Pa Vo (ภา โว) :
การค้าขายของร้านค้าที่เป็นองค์กรของวัด เช่น ร้านพลังบุญ ยังถือว่าเป็น ลาภแลกลาภ
ไหมครับ กราบขอบพระคุณครับ
พ่อครูว่า…ก็แลกไปแลกมาอยู่บ้าง แต่การแลกนั้นไม่ได้เข้ากระเป๋าเขา 1.
การแลกก็แลกให้ถูกกว่าสังคมสามัญทั้งโลกเขาอยู่แล้ว นอกจากได้ถูกแล้วนอกจากได้ถูกแล้วเราก็ไม่ได้เอาเข้ากระเป๋าตัวเราเองแต่เราเอาไปเข้ากองกลาง แต่ก็ยังมี ลาภแลกลาภ ในพวกเรานี้ แต่ไม่เกิน
3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเดี๋ยวนี้เขาได้เดือนละ 3 แสน 3 ล้านแล้ว แต่ของเราไม่เกิน
3 พัน ให้สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นถ้าเกินกว่านี้ก็ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะเข้ามาอยู่ในพวกเรา
ก็มีการอนุโลมเป็นขั้นเป็นตอนเท่านั้นเอง จะถือว่าเป็น ลาภแลกลาภไหม
คนหนึ่งก็ไม่เกิน 3,000 บาท ก็เป็นเรื่องสุดวิสัยจำเป็นจะต้องใช้ บางคนมีครอบครัว
บางคนมีคนป่วยต้องดูแลอะไรต่างๆนานา ซึ่งตั้งใจลดกิเลสที่มันเปลือง
มันผ่านแล้วกองกลางก็มีให้กินให้ใช้อยู่แล้วเป็นสาธารณโภคี
เพราะฉะนั้นสาธารณโภคียังซ้อนที่นักเศรษฐศาสตร์ในโลกกว่าจะเข้าใจ อาตมาก็ต้องลากไป
ค่อยๆขยายความไป อีลากอีเลือ ภาษาภาคกลางว่า ถูลู่ถูกังไป ฝืนไป พยายาม
เพื่อจะอยู่ทำงานให้ได้นัยะละเอียดพวกนี้ จะได้ต่อยอดไปได้เรื่อยๆ ถ้าอาตมาตายลงไปแล้วมาเกิดใหม่
ความชะงักการจะสืบทอดต่อยอดมันก็ต่อยาก อาตมาว่าจะโตกว่าจะมาถึงวัยพอที่จะอธิบาย
ถ้าเป็นเด็กอธิบายใครเขาจะเชื่อฟัง แม้แต่อายุไม่มาก
ยิ่งเป็นโลกุตระเขาก็จะไปเชื่อน้ำมนต์ที่ไหน
มันต้องได้สัดส่วนเหตุปัจจัยที่คนเขามี Concept ของเขา มีความเข้าใจองค์รวมของความคิด
ก็ต้องค่อยๆเป็นไป
สรุปแล้วก็คือต้องพากเพียรอุตสาหะ ต่อให้อายุยืนยาวนานที่สุด
กันไว้เผื่อพอ ถ้าจะต้องเกิดมาอีกก็ต้องเกิดแต่ถ้าไม่เกิดมาอีก ก็ทำได้
แต่อาตมาจะไปเป็นพระพุทธเจ้าต่อ อาตมารับสืบทอดศาสนาพระพุทธเจ้า
หากตายลงก็จะมีผู้รับผิดชอบ รับช่วงสืบสานสืบสาวราวเรื่องกันไปถึง 5,000 ปีได้
อาตมาไม่ต้องเกิดแล้วก็ได้ อาตมาก็ไม่ต้องเกิด
แต่ถ้าไม่ได้อาตมาก็ต้องเกิดมาอีกมานำพาต่อกันไปอีก จนกว่าจะโตอย่างที่ว่า
มันก็จะชะงักก็จะช้าลงไปอีก
แต่ถ้าไม่ต้องเสียเวลาต่อเนื่องกันไปใหม่ก็ไปได้เรื่อยๆ
การค้าขายของวัดหรือร้านค้าของวัดก็ยังมีภาวะซับซ้อน
นักเศรษฐศาสตร์ก็ต้องเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง
พ่อครูกินข้าวเหมือนไปเข้าสนามรบ
_Hun Saelim (ฮุน
แซ่ลิ้ม) : ได้ยินว่าพ่อครูไม่อยากอาหาร เพราะจิตไม่โหยหา และการขบเคี้ยวก็ลำบาก
จะใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละมื้อ แต่เพื่ออยู่ได้ของธาตุขันธ์
พ่อครูก็ต้องยังลำบาก ต้องมีได้รับอาหารเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ง่ายเพราะเป็นเรื่องไม่สามัญ
อาตมาไม่อยากน้ำไม่อยากข้าว มานานแล้วหลายสิบปี ก็น่าจะ 40 50 ปี
ก็มันฝึกหัดว่าเราไม่ต้องไปติดยึด ไม่ต้องไปอยากอะไรมัน จะกินก็กินอย่างรู้ควรจะกินอย่างไร
ไม่ได้กินด้วยรสอร่อย ด้วยความตะกละตะกรามชื่นชอบมีรสชาติอะไรเป็นตัวเร่งเร้า
ให้มันเร่งเคี้ยวเร่งกิน มันก็เลยยิ่งนานเข้าอวัยวะต่างๆก็เสื่อมไปตามเวลาด้วย
มันก็เลยใช้เวลา ตอนนี้กินข้าวที 3 ชั่วโมง ก่อนจะกินก็จะบ่นอยู่เรื่อยเอาแล้วเข้าสู่สนามรบ
กินอาหารเหมือนเข้าสู่สนามรบ
พูดแล้วดูเหมือนน่าหมั่นไส้สำหรับคนที่ไม่ชอบใจก็ขออภัยพูดความจริงให้ฟัง
ก็พยายามบอกให้พวกเราปรุงอร่อยๆมาเลยยั่วให้อาตมาขึ้นบ้าง อยากกินอย่างอร่อย
อาตมาก็พยายามจะอร่อยด้วยอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นเท่าไหร่ ถ้าจะมาขึ้นมาหน่อยก็จะดีขึ้นนะ
อาตมาว่าจะดีขึ้น นี่ฟันก็ยังมีฟันกรามที่มันหัก ต้องไปใส่รากฟันใหม่
กินข้าวได้ข้างเดียวตอนนี้ ฟันของอาตมาเหลือ 28 ซี่ มันผุแล้วเขาถอนทิ้งไปจาก 32
เหลือ 28 ซึ่ ก็ใช้ไปไม่มีปัญหาอะไร นอกนั้นฟันอื่นดีอยู่เป็นฟันจริงหมด
ฟันหน้ามีไม่เป็นฟันจริงอยู่ซี่หนึ่ง ถ้าฟันอาตมาเป็นทาสก็ราคาแพง
คนอายุยืนฟันจะทน เขาดูทาสว่าจะดีแข็งแรงไหม ดูที่ฟัน ดีอาตมาไม่ได้เป็นทาส
ก็เลยไม่ได้ถูกเลือกด้วยกันดูฟัน
_สุดชดา...ขอฝากความเห็นถึงพ่อครูหน่อยค่ะ
1.พ่อครูบ่นเหนื่อยสะท้อนว่าตับพร่อง
ตับพร่องเพราะพ่อครูดึงกำลังภายในมาใช้เกินสมดุล
2.พ่อครูบ่นเบื่ออาหาร
สะท้อนอาการตับพร่อง
ตับพร่องเพราะดึงกำลังภายในมาใช้เกินสมดุล
การเทศน์กัณฑ์หนักๆติดต่อกันไม่ใช่กาละนานๆครั้งแบบเทศกาลซึ่งพ่อครูต้องพักก่อนงานแบบเก็บตัวนักกีฬาและพักผ่อนหลังงาน
แถมหางานให้พ่อครูทำเพิ่มขึ้นจนพ่อบ่นเหนื่อยแบบนี้
ถ้าไม่รีบปรับอาจได้อดฟังธรรมะพ่อครูเป็นเดือน
เพราะดึง glycogenในตับมาใช้จนหมดได้นะคะ
ขอกราบเรียนตั้งข้อสังเกตมาค่ะท่านคะ
พ่อครูว่า…ขอบคุณ
ผู้ที่ดูแลเรื่องสรีระ พยาบาลและแพทย์หรือโภชนาการฟังไป
การไม่ยอมรับพ่อจะบาปไหม
_ตรง ขอนแก่น :
ถ้าบุคคลคนหนึ่ง ไม่ยอมรับผู้ชายคนหนึ่ง ที่ให้กำเนิดเขา โดยแสดงอาการ ไม่ยุ่ง
ไม่สนใจ แต่ผู้ชายคนนี้ ไม่เคยทำหน้าที่ของผู้ให้กำเนิดเลย
อยากถามว่า การที่ไม่ยอมรับจะเป็นบาปหรือไม่ครับ
พ่อครูว่า…ไม่บาปไม่บุญก็พ่อไม่ทำหน้าที่ ทำให้เกิดเฉยๆ
เหมือนสัตว์เดรัจฉานชนิดหนึ่ง ทำแล้วก็ทิ้งด้วย เป็นพ่อเป็นแม่ยังดูแลเลี้ยงลูกต่อ
แต่พ่อทิ้งเลย ทำแล้วก็ทิ้ง จะเป็นบาปเป็นบุญไหม ก็ไม่บาปไม่บุญหรอก ถ้าจะบอกบาป
คุณไม่บาปหรอก พ่อนั่นแหละควรจะต้องรู้ว่าตัวเองเป็นพ่อ ทำให้คนเกิดมาในโลกมีทุกข์
แต่ไม่รับผิดชอบ ไม่ดูแลเลี้ยงดู พ่อได้บาป เป็นพ่อเป็นแม่ที่มีลูกมาแล้วไม่เลี้ยงดู
ไม่ส่งให้ถึงฝั่ง แล้วค่อยปล่อย หรือถ้าเผื่อว่ามันเหลือขอจริงๆ
ก็ใช้สูตรเลี้ยงลูกให้รู้จักโต เลี้ยงพ่อแม่ให้รู้จักตาย พ่อแม่ตายแล้วก็จบ
อย่าไปซ้ำซี้ซ้ำแซะ ส่งอะไรไปให้
ซึ่งมันไปถึงไม่ได้หรอกเป็นเรื่องนอกรีตจากศาสนาพุทธ ลูกก็มีเวลาที่โตเขาก็มีเกณฑ์กันทั่วโลก
20 ปี 22 ปีก็ถือว่าพ้น โตแล้วเลี้ยงดูตัวเองได้ ยุโรปหรืออเมริกา เขาอายุ 15 16
17 ปีเขาปล่อยแล้ว ปล่อยให้เด็กไปดูแลตัวเองแล้วนะ เขาไม่เอาภาระแล้ว 17 ปีขึ้นไป
ในกฎหมายถือว่า 20 ปีขึ้นไปแล้ว บรรลุนิติภาวะ จะไปโทษพ่อแม่ไม่ได้แล้ว
_อ๋อย เอื้อมพร : ฟัง
"จิตไร้นิวรณ์" ของพ่อครูซ้ำอยู่หลายรอบ ในช่วงหนึ่ง @1:10 -1:20
พ่อครูเปรียบเทียบความรู้ทางจิตวิญญาณกับความรู้ทางฟิสิคส์ของไอสไตล์
ท่านบอกว่าแสงเดินทางเป็นเส้นโค้ง จิตคนก็เช่นกัน ...
พ่อครูมีญาณรู้ว่าแสงโค้ง
ซึ่งตรงกับที่ไอน์สไตล์ได้พิสูจน์ไว้ก่อนแล้ว พ่อยังพูดต่ออีกว่า ในบรรยากาศมีมวล
มวลจะทำให้ทุกสิ่งเคลื่อนที่แบบไม่ตรง (ดวงดาวจึงเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้ง...วงรี)
แม้แต่ในสูญญากาศ จิตคนก็โค้ง โค้งกว่าแสง เพราะมีกิเลส แต่จิตคนสามารถทำให้ตรงได้
หากเป็นจิตสูญญตา! เพราะฉะนั้นจิตจึงเหนือกว่าวัตถุธาตุ เหนือกว่าอุตุนิยาม
พ่อครูว่า…คนที่จิตสูญญตาเป็นจิตที่หมดกิเลสแล้ว
เป็นจิตที่ไม่มีตัวตน ส่วนคนโลกียะจะต้องโค้งทั้งนั้น ต้องเวียนกลับ
มีแต่คนโลกุตระเท่านั้นที่เป็นอรหันต์ ที่จะตรงโดยไม่โค้งได้
แต่ก็สามารถเติมทศนิยมของตัวเอง ให้ตัวเองวนกลับมาได้ จิตจึงเหนือกว่าวัตถุธาตุ
เหนือกว่าอุตุนิยาม และเหนือพีชะด้วย
_พระบุณยกร พัฒนาศรัทธาพร
: คนที่เคารพความจริง ไม่มีอคติ : จะยอมรับว่า " รัฐบาลลุงตู่มีผลงาน
และชาวบ้านชอบ "ㆍไม่ประหลาดใจเลย
ที่ฝ่ายค้าน มักกล่าวหาโจมตีบิดเบือนว่า
"รัฐบาลลุงตู่ไม่มีผลงานอะไรเลยในรอบ ๒ ปี"
แต่น่าแปลกใจไม่น้อย
ที่มีบัณฑิตใหญ่ส่วนหนึ่ง มีฐานะบทบาทในสังคม พูดว่า "๗ ปี ลุงตู่
ไม่ได้ทำอะไรเลย " (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
มีโอกาสได้เรียนถามผู้ใหญ่ที่สังคมยอมรับ
และพระสงฆ์องค์เจ้า ว่า " ทำไม จึงเป็นเช่นนั้น "
ได้รวบรวมคำตอบ ออกมา ๓
ประเด็น คือ ใจอคติ อิจฉา ตาร้อน เมื่อเห็นคนที่ตนไม่ชอบได้ดี มีชาวบ้านรัก
(๑) ไม่อ่านหรือติดตาม
ผลงานของรัฐบาล มติครม. ไม่ฟังโพลส่วนใหญ่ ที่ชาวบ้านชอบผลงานรัฐบาล
(๒) ฟังแต่
ข่าวที่นำเสนอภาพลบ ข้ออ่อน เรื่องไม่ดีของรัฐบาล และ โพสต์ต่อๆกันไป ไม่หยุด
(๓) เอาความไม่พอใจ
และอคติส่วนตัว(เป็นใหญ่ )ต่อ รัฐบาล ทหาร ศาล ข้าราชการฯ
พ่อครูว่า…แค่ใช้หนี้ทักษิณยิ่งลักษณ์ที่ทำไว้ก็เยอะแล้ว
ขณะนี้เหลือสองแสนล้าน มีหลักฐานใช้ไปห้าหกแสนล้าน คนก็ช่างหาเรื่อง อาตมา
คงไม่มีเวลาวิจัยเรื่องเหล่านี้ อาตมามีแต่จะวิจัยเรื่องโลกุตระให้ฟัง
เมืองไทยตอนนี้เป็นเมืองโลกุตระ
เปิดเผยสู่โลก เป็นการเปิดโลกบุญนิยมสู่โลก อาตมาเอาคำว่าบุญเป็นคำใหญ่
ซึ่งเป็นคำที่คนมิจฉาทิฎฐิไม่เข้าใจกันได้ง่ายๆ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่มาก
เอามาเป็นตัวคำหลักในการจะอธิบายอะไรต่อไปอีกเยอะ หนังสือ “เปิดยุคบุญนิยม”เล่ม 2
ที่ออกวันนี้ ความหนา 608 หน้า จะมีเล่ม 3 ออกมาอีก เขาขาย 0 บาท
ใครอยากได้รีบบอกมา เป็นราคาบุญนิยมระดับ 4 แจกฟรี ไม่มีการซื้อขาย โทร 086-486-7868 ติดต่อได้
อีกเล่มที่ออกมาคือ
“อังกฤษแบบอโศก” ออกอากาศรายการอังกฤษแบบอโศกทางบุญนิยมทีวี มีพราวพุทธ กับข้าพุทธ
ขาวดารา ทำภาษาอังกฤษแบบพุทธ ออกอากาศทำแล้วเอามารวมเป็นเล่มแจกเหมือนกัน
แต่มีขายเล่มละ 65 บาท แต่ช่องจะได้ฟรีมันมี หาเอา หนา 264 หน้า ออกก่อนหน้านี้ก็
“ตะลุยไฟ ตะไลเพลิง” จะออกตามมาก็
“ลำธารชีวิต” ยังมี “คนจะมีธรรมะได้อย่างไร” เล่ม 4 ยาว 600 กว่าหน้า
อาตมาเขียนยังไม่จบเลย แต่ “เปิดยุคบุญนิยม” เขียนจบแล้ว
หนังสือพวกนี้อาตมาว่ามันจะเป็นหลักฐานในการที่จะยืนยันสัจธรรม
ผู้ติดตาม อาตมาไม่เก่งภาษาอังกฤษ
ผู้ที่จะเห็นดีเห็นงามจะมามีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษดีๆ ก็ยังไม่ศรัทธาเลื่อมใส
ซึ่งมันไม่ง่าย มันยากอยู่ เพราะเป็นภาษาโลกุตระ supramundane ไม่ใช่ภาษาโลกีย์สามัญทั่วไป
เป็นของพิเศษ หลายคำมันไม่มีหรอกในภาษาอังกฤษ จะต้องหาคำที่ใกล้เคียง
หาคำที่ต้องมาผสมกันเพื่อที่จะอธิบายสภาวะ มันจึงยากอยู่ ก็ไม่เป็นไร
ก็ค่อยๆเป็นไป ก็จะมีคนเห็นคุณค่า แล้วก็จะมาช่วยกันทำในอนาคต
ถ้ามันไม่จริงก็คงไม่มีใครเข้ามาช่วยกันทำต่อไปหรอกมันก็สูญหายไปเอง
แต่ถ้ามันจริงมันเป็นเรื่องที่แบบนี้มันเป็นอมตะ เป็นนิรันดร
จะต้องสืบสานกันให้ถึงที่สุด
ถ้าชัดๆก็คือมันเป็นเรื่องที่ต่อยอดจะนำพาสืบสานโลกุตรธรรมคือธรรมะพระพุทธเจ้าไปถึง
5,000 ปีจริงๆนะ ซึ่งอาตมาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปปลุกเร้าโฆษณาชวนเชื่ออะไรให้มากกว่านี้หรอก
แค่นี้ก็เหนียมตัวเองพอสมควร
กว่าจะมีปาฏิหาริย์ของสังคมโลกุตระ
วันนี้วันดิบสุก ยังไม่เข้าสู่สาระอะไรมากมายหรอก
มีโปรแกรมเอาไว้แล้วว่างานที่จะเข้าสู่ อโศกรำลึกปีนี้ เป็นปีที่ 40 พอดี จัดมา 40
ปีแล้วอโศกรำลึก ก็ให้อาตมาบรรยาย ตามอัธยาศัย ก็ยิ่งสบายใหญ่ ไม่ได้กำหนดมาให้
ซึ่งจริงๆก็ไม่ต้องกำหนดตลอด อาตมาอธิบายค้าง คุหัฏฐสูตร ยังไม่ไปถึงไหนเลย
ก็ค่อยๆว่ากันไป ตอนนี้วันดิบสุกก็ว่าพวกนี้ไปก่อน
ที่จะพูดคืออันนี้ คืออาตมา นึกถึงชีวิตเรา 87 ปีกำลังจะขึ้น 88
ปีอยู่มะรอมมะร่อ ถ้าไม่ตายเสียก่อนตอน 8:00 น. ถ้าตายเสียก่อน 8:00 น.
ก็อายุไม่ถึง 88 ปี(คุณเข่งว่า.. อายุ 88 ปีเกิดตอน 8:00 น. มี 8 อยู่ 3 ตัว)
สูตรโมเมชั่น (สู่แดนธรรมว่า...เดือนนี้ก็ 8 สองหนด้วย)
อาตมาว่าเป็นของฮินดูเขาจะเป็นปาง กฤษณะ เป็นปางที่มีพลังมาก
หรือแม้แต่ของพุทธปาง 8 เป็นปางที่มีพลังงานรอบถ้วน
เป็นพลังงานรอบถ้วนไม่ว่าจะเป็น เจโตหรือปัญญา ศรัทธาหรือปัญญา เป็นการเคี่ยวข้น
งวดเข้าไปสู่การเป็นสัมมาสัมพุทธะแล้ว
อจินไตยเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องพูดเล่น
แต่เป็นจริงของผู้ที่มีจริงเป็นจริงเท่านั้น ที่จะพูดเข้าท่าเข้าทาง
ไม่เช่นนั้นพูดกันไปเละเทะ จับหัวชนท้ายชนกลางเละไปหมด
แต่ผู้ที่มีจริงเป็นจริงก็จะฟังได้ว่ามันเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์
อาตมามาขยายโพธิสัตว์ 8 ขั้น 9 ขั้น (พ่อครูไอ
ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดิน...ดูเหมือนปีที่แล้วพ่อครูไอมากเหมือนกัน
ทุกวันนี้ท่านพูดบอกว่าทำงานต้องลากสังขาร อีลากอีเลือ
พ่อครูว่า...คือฝืนไปไม่ได้แม้จะยากจะเย็น
อาตมาทบทวนแล้วทำงานมาย่าง 52 ปีทำงานมาถึงขนาดนี้ก็มีผลงาน
แต่อาตมาว่าคนก็ยังรู้ไม่ได้ ยังยืนยันไม่ได้เท่าไหร่เขายังไม่เห็น
จึงเกิดประโยคที่ว่า จนคนตาบอดเห็นได้ แม้คนตาบอดก็เห็นได้เลย มันเป็นคำภาษานิกายเซน
ที่บอกว่าควรจะเห็นได้ก็คือ ผลงานที่อาตมาทำ
อาตมาบอกว่าอาตมาเป็นผู้รู้ที่มาแก้กลับ ความผิด อาตมาว่าคณะใหญ่เถรสมาคมผิด
อาตมาถูก แล้วมันจริง ตรงที่อาตมาอธิบายค้านแย้งกับทางเถรสมาคม
จนกระทั่งอาตมาต้องลาออกมาเป็นนานาสังวาส อยู่กับเถรสมาคมมาได้ 5 ปี พ.ศ. 2513 ถึงพ.ศ.
2518 ก็ลาออกมา ตามธรรมวินัยทุกอย่างเลย
เถรสมาคมก็ถือว่าคนเขาไม่รู้ ชาวพุทธก็ไม่รู้
ขนาดผู้ศึกษาพุทธเป็นดอกเตอร์ เปรียญ 9
ก็ยังไม่รู้เลยว่านานาสังวาสคืออะไร เพราะมันไม่เคยมี
ของพระพุทธเจ้านั้นมีอยู่ตอนเดียวคือพระเทวทัต พระพุทธเจ้าประกาศว่าเรากับเทวทัตเป็นนานาสังวาสกัน
ด้วยหลักสำคัญการประกาศนานาสังวาสคือ ตัวอย่าง
มีหมู่สงฆ์สองฝ่าย เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า
ถ้าใช้น้ำล้างส้วมแล้วให้คว่ำกะลา ถ้าหักไม่คว่ำถือว่าผิด แค่นี้
เถียงกันจนกระทั่งแยกเป็นนิกาย พระพุทธเจ้าก็บอกว่าไม่ได้หรอกเป็นนิกายมันไม่ดี
ต้องเข้าใจกันให้ได้ โดยใช้หลักตัดสินเป็นนานาสังวาส คือเมื่อเขายึดถือแล้วว่าของตนเองถูก
เช่นคว่ำกะลามันถูก อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่คว่ำก็ไม่เป็นไร
เป็นเรื่องเล็กไม่น่าถือสากัน ก็เถียงกันไม่ยอมตกฟาก พระพุทธเจ้าก็เลยบอกว่า
เมื่อไม่ยอมปล่อยวางก็ต้องให้อิสระเขา ใครจะยึดถือฝ่ายไหนก็ยึดถือไป
จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าตัดสินก็ได้ ใครถูกใครผิดพวกคุณก็ตัดสินได้
ถ้าจะเป็นผู้คุมกฎก็กฎระเบียบถูก แต่ไม่ใช่ผู้คุมกฎก็บอกว่าเรื่องแค่นี้ขี้ผง
จะไปถือสาอะไรกันนักกันหนาเป็นเรื่องเล็กน้อย หยวนไปบอกกัน
ทีหลังก็ค่อยบอกกันก็ไม่เอา พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ตัดสิน
งั้นก็ถือเป็นเหตุให้ตั้งหลักนานาสังวาส ก็ต่างคนต่างอยู่
นี่คือเป็นเกณฑ์ในการเกิดนานาสังวาส
อาตมาไม่ลงลึกในหลักเกณฑ์วินัยต่างๆอีกหลายอย่าง
จะมาประกาศนานาสังวาสในวันที่ 6 สิงหาคม 2518 ต่อหน้าหมูสงฆ์ 180 รูป
มีเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลอยู่ด้วย แต่ไม่มีเจ้าคณะจังหวัด
แต่เจ้าคณะตำบลก็เขียนเป็นหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดไปถึงเถรสมาคมให้รับรู้ตั้งแต่
2518
จนกระทั่งเรื่อยมาถึง 2525 พันตำรวจตรีอนันต์ เสนาขันธ์
ก็ไปรื้อฟื้นเอาอาตมาไปเป็นคดี ว่าประกาศตัวเป็นศาสดามหาภัยอะไรสารพัด
จนกระทั่งเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้คณะสงฆ์ ที่จริงเงียบไปแล้วตั้งแต่ 2518 เงียบมาได้ให้อาตมาเป็นนานาสังวาส
ไม่ได้แตะต้องอะไรกัน เราก็ทำของเรามาเรื่อยสะสมมวลปฏิบัติธรรม จึงมีเวลาทำงาน
ไม่มีใครขัดแย้ง ไม่มีใครมาตี
จนอนันต์มาจุด เสร็จแล้วทางเถรสมาคมก็มาจุดขึ้นอีกใน พ.ศ. 2532 จุดเลย
เล่นงานอาตมาตูมเลยเป็นเรื่องใหญ่เลย เพราะทางเถรสมาคมรื้อฟื้น
ว่าประกาศนานาสังวาสไม่ได้ ถ้าประกาศต้องลาออก ถ้าเป็นนิกายก็ต้องลาออก
แล้วจึงจะมาบวชใหม่ เป็นคนละเรื่องไปเลย เป็นพุทธไม่ได้
ถ้าจะบวชใหม่ต้องมาขอบวชใหม่ ลาออกก่อนแล้วต้องมาบวชใหม่ อาตมาก็ไม่ลา ไม่สึก
สั่งให้สึกก็ไม่สึก ขัดแย้งกับหมูใหญ่ เป็นเรื่องเป็นปีเลย
จนกระทั่ง ที่จริงเขาก็ประกาศ สงฆ์สองฝ่าย มหานิกายกับธรรมยุติ
มารวมกันทำสังฆกรรมซึ่งผิดหลัก คณปูรกะ สงฆ์ 2 นิกายมาทำสังฆกรรมร่วมกันไม่ได้
ทุกวันนี้ เขาก็ไม่ได้ลงสังฆกรรมร่วมกัน แต่พอจะมาตีอาตมาก็เอามารวมกัน เขาทำ
ปกาศนียกรรม ไล่ออกนอกพุทธ ทั้งๆที่เราประกาศนานาสังวาสคือ เราไม่เอาท่าน
ไม่ใช่ท่านไม่เอาเรา เราขออยู่เอกเทศ เราประกาศก่อนแล้วด้วย
แล้วเขาก็มาตีกินทีหลัง แต่คนก็เชื่อคณะใหญ่เป็นส่วนมาก
อาตมาก็ยืนยันอยู่ในทางที่ถูก ให้สึกก็ไม่สึก
เป็นคำสั่งของสังฆราชให้สึก ไม่สึกภายใน 7 วันก็มีกฎหมายที่ก่อตั้งขึ้นมาเองใหม่
พ.ร.บ.สงฆ์ 2505 ประมาณมาตรา 18 ให้อำนาจสังฆราชสั่งให้สึกได้
ซึ่งเป็นกฎหมายที่ตั้งใหม่โดยที่พระพุทธเจ้าไม่เคยอนุญาตอย่างนี้ ไม่อนุญาตให้สังฆราชสั่งให้สึกได้
เพราะศาสนาพุทธไม่มีสังฆราช ศาสนาพุทธตั้งใครเป็นใหญ่เป็นหนึ่งในศาสนาพุทธไม่ได้
ท่านให้ถือธรรมะเป็นใหญ่ ไม่ให้ถือคนเป็นใหญ่ แค่นี้เขาก็ละเมิด
ให้สังฆราชเป็นใหญ่สั่ง แล้วออกกฎหมายรองรับอีก ละเมิดยังไม่พอ ยังลงไปในกฎหมายอีก
ว่าให้มีสิทธิอะไรต่างๆ ซึ่งผิดบัญญัติพระพุทธเจ้าทั้งนั้น เป็นเรื่องโมฆะหมด
ขออภัยไม่ได้ฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไร แต่ว่าเป็นเรื่องที่ถึงเวลาจะต้องเล่า
ให้ผู้ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจรับทราบ จะดีก็ไปหาหนังสือ
“ประนีประนอมกันด้วยนานาสังวาส” มาอ่าน
สรุปแล้วเหตุการณ์ทางโน้นก็ติดตามเล่นงานอาตมา จนกระทั่งมีการฟ้องร้อง
ซึ่งการเป็นนานาสังวาสนั้น ฟ้องร้องอธิกรณ์กันไม่ได้ ทางด้านสงฆ์
เวลาจะวินิจฉัยอาตมา ก็ทำผิดหลักสัมมุขาวินัย ไม่เอาจำเลยเข้าไปต่อหน้า
จะได้ซักถามตอบคำถามด้วย แต่เขาตัดสินเองหมด
เขาบอกว่าข้อมูลมีมากพอไม่ต้องเอามาก็ว่าไป เสร็จแล้วก็ตัดสินว่าผิด ให้ตำรวจมาจับ
แล้วตำรวจก็มาจับ พวกเราก็เลยกลายเป็นจำเลยเข้าคุกอยู่วันสองวัน
เขาก็ให้ออกมาอยู่ข้างนอกมีคนมาประกัน ซึ่งก็สู้กันอยู่ตั้งหลายปี
สู้คดีแล้วให้ฆราวาสเป็นผู้ตัดสินสมณะ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในโลก (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า...ตลกที่
ใช้เวลา 6 ปี 6 เดือน 6 วัน ตัดสินที่บัลลังก์ที่ 6 พ่อครูถูกตัดสินให้จำคุก 66
เดือน แต่ให้รอลงอาญา
พ่อครูว่า...มุ่นกันอยู่ระหว่างเลข 6 กับเลข 7 แต่เลข 6 มีเยอะ
หกคะเมนตีลังกาอยู่ตรงนั้น สุดท้ายแล้วคำตัดสินคือ ตัดสินว่าอาตมาไม่ได้สึก เพราะฉะนั้นอาตมาก็ยังเป็นสมณะอยู่
เพียงแต่ว่าไม่ให้อาตมาไปเรียกตัวเองว่า ภิกษุ ตามหลักกฎหมายเขามี
ไปเรียกตัวเองว่าพระว่าภิกษุ นักบวช นักพรต เขามีในกฎหมายหมดห้ามเรียก
แต่คำว่าสมณพราหมณ์ คำเต็มๆของพระพุทธเจ้าเขาไม่มีในกฎหมาย
ซึ่งคำว่าพระเอามาตั้งเอง คำว่า ภิกษุ เป็นของทั่วไป ศาสนาอื่นก็เป็นภิกษุ
เป็นผู้ขอ ผู้บิณฑบาตกินเรียกว่าภิกษุทั้งนั้น ก็เรียกพระนี้เป็นของไทย
นักบวชนักพรต ก็เป็นคำกลางๆ ทั่วไป แต่คำนี้ไม่มีเขาก็ยกมาให้เรา เราก็เลยได้คำนี้
สมณะ พอได้คำนี้มา มหาระแบบตัวตั้งตัวตีที่เป็นพี่ชายของจตุพร พรหมพันธุ์
เขาก็ขึ้นเลย บอกว่าเอาคำว่าสมณะไปให้ได้อย่างไร
ซึ่งเป็นคำที่แปลว่าเป็นพระอรหันต์นะ ซึ่งเราไม่ได้เลือกนะ คุณตกลงกันมาให้เราเอง
อาตมาก็บอกว่าจะให้เรียกอาตมาว่าอย่างไร นักพรตก็ไม่ให้เรียก นักบวชก็ไม่ให้เรียก
ภิกษุก็ไม่ให้เรียก พระก็ไม่ให้เรียก เขาก็บอกว่า สมณะพราหมณ์ ก็แล้วกัน
คำนี้ไม่มีในกฎหมายห้ามไว้ เราก็เอา
จึงได้มา ทุกอย่างมันเป็นสัจธรรม เป็นไปโดยธรรมของมันเองหมดเลย
มันจะต้องลงตัวเช่นนั้น ที่อาตมาสรุปให้ฟัง แม้ที่สุดอาตมาพาทำ เกิดหมู่กลุ่มชุมชน
มีพฤติกรรมของวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 ยืนยันได้ว่าเป็นคนอยู่อย่างกันเป็นสังคม
ไม่ใช่สังคมเดียวชุมชนเดียวด้วย ทุกวันนี้ทั่วประเทศไทย มีสังคมอโศกหลักๆอยู่ 8-9
ชุมชน ราชธานีอโศก ปฐมอโศก สันติอโศก สีมาอโศก ศีรษะอโศก เป็นต้น
นอกนั้นก็ชุมชนเล็กชุมชนน้อยก็เกือบจะ 50 ชุมชน ตั้งชุมชนมีอยู่ 2 คน 5 คนก็มี
แต่เขาก็มีสถานที่ มีเสนาสนะ มีพฤติการณ์ กันอยู่ มีบุคคล มีการปฏิบัติ
รวมแล้วก็มีกระจัดกระจายอยู่ ไม่ได้อยู่รวมกันที่เดียวเป็นกลุ่มก้อน
กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ
รวมแล้วก็เป็นเรื่องของสัจจะสากล ว่าเป็นผู้ที่มีวัฒนธรรม
มีจารีตประเพณี มีหลักศีล หลักการที่เรียกว่าธรรมนูญก็ได้ โดยเรายืนยันว่าเรามีศีล
จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลเป็นธรรมนูญของเรา ไม่ได้ไปถือแค่วินัย 227 เท่านั้น
แต่วินัย 227 เราก็ถือเราก็ใช้ในการที่จะไม่ต้องผิดวินัย ไม่ต้องผิดศีล
ทั้งคู่แหละ อะไรต่างๆพวกนี้ ยืนหยัดยืนยัน
ที่สำคัญจนถึงขั้นเศรษฐศาสตร์สาธารณโภคี
ยืนยันสาธารณโภคีเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เมื่อไหร่นักเศรษฐศาสตร์โลก
เข้าใจ ถึงเศรษฐกิจแบบนี้ เขาชัดเจนว่า โอ้โห!
เศรษฐศาสตร์แบบนี้มีได้ด้วยเหรอในมนุษยชาติ เศรษฐกิจสาธารณโภคีเกิดได้ด้วยหรือ
เป็นเรื่องเล่นๆหรือเปล่า ซึ่งมันจะเล่นได้อย่างไร ถ้าจิตมันไม่เป็นพื้นฐานจริงมันเล่นไม่ได้
มันทำได้ก็ได้เล่นๆอย่างที่ว่า เล่นไม่กี่วัน เป็นปีก็จะถึงเหรอ มันไม่เหลือหรอก
ไปหมดแล้ว ถ้าจิตมันไม่จริง จิตมันไม่มีวรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 ไม่มีเมตตา กรุณา
มุทิตา อุเบกขา เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม
แล้วมีลาภโดยธรรมถึงขั้นพ้นมิจฉาชีพข้อที่ 5 ลาเภน ลาภัง นิชิคิงสนตา
ไม่ใช่ลาภแลกลาภด้วยต่างคนต่างทำเอาเข้ากองกลาง พ้นมิจฉาชีพข้อที่ 5 สูงสุดเลย
แล้วไม่ได้ทำคนเดียวแต่ชุมชนทั้งชุมชนทำ อาจจะมี Error บ้าง บางคนงุบงิบอยู่บ้าง
ก็เป็นวิบากของเขา จะให้ 100% มันเป็นไปไม่ได้
เราก็อยู่กันอย่างสงบสุข มีปาฏิหาริย์หลายอย่างเลยว่าเป็นไปได้อย่างไร
ปาฏิหาริย์ลักษณะพวกนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เช่น
ปาฏิหาริย์ของสังคมที่เป็นโลกุตระ ไปปฏิวัติรัฐบาล
เสร็จแล้วคนที่ชุบมือเปิบได้ก็คือสุเทพ เทือกสุบรรณ เริ่มต้นเขาไปรวมกันที่สามเสน
เสร็จแล้วคนก็มารวมด้วย เพราะเขาเป็นนักการเมืองเก่า มีหมู่พวกเห็นด้วยก็เลยไป
รวมกันเป็นล้านคน กลบพวกอโศกพวกกองทัพธรรมเลย กปปส.
ก็เลยเป็นชื่อเป็นมวลที่เป็นตัวเด่น กลบกองทัพธรรม เลย
ไม่ได้พูดเพื่อยกตัวเองขึ้นไปนะ แต่อธิบายสัจธรรมให้ฟัง ก็ไม่เป็นไร
ผลที่ได้ก็คือปฏิวัติสำเร็จ รัฐประหารรัฐบาลสำเร็จหมด
จนถึงนอมินีตัวสุดท้ายเป็นตัวเมียเป็นผู้หญิง
เป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกคนเดียวในประเทศไทย ก็เลยปฏิวัติเสร็จ ประหารเสร็จ
พอประหารเสร็จแล้ว
พวกเราก็ไม่เอาใครเข้าไปเป็นผู้รับผล ประหารรัฐบาลเสร็จหมดแล้ว
เราก็ไม่ได้ขึ้นไปฉวยเอาตำแหน่งหน้าที่นายกหรือผู้ควบคุมเราก็ไม่เอาเราถอนตัวมาหมด
ทีนี้ผู้ควบคุมดูแลประเทศ คสช. ควบคุมความสงบของชาติ
พลเอกประยุทธ์อยู่ตอนนั้นจริงๆก็เลยต้องมาทำหน้าที่ ก็ตั้งนานกว่าจะออกมา
อาตมาจำได้ว่าได้บ่น ว่าทำไมออกมาช้าจัง พวกเราประกาศแล้วเขาก็ไม่ยอม 1.
เราไปถวายฎีกา เจ้าพนักงานก็ไม่รู้เรื่องด้วย เราบอกว่าประชาชนปฏิวัติ
เขาก็ว่าจะบ้าหรือ เป็นการระคายเบื้องพระยุคลบาทหรือเปล่า ก็ถือกลับมาใหม่เอามาคืน
เราก็ต้องหอบกลับมาปฏิวัติต่ออีก เวรจริงๆ จนกระทั่งสุดท้าย
ปฏิวัตินายกฯหญิงสุดท้ายเสร็จหมด พลเอกประยุทธ์ทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ ก็ทำตามหน้าที่มาก็มาต่อ
ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอยึดอำนาจ ไม่ได้ใช้อาวุธเลย ไม่เหมือนพลเอกสนธิด้วยซ้ำไป
พลเอกสนธิยังหอบรถถังออกมา พลเอกประยุทธ์ไม่ได้หอบอะไรออกมาเลย
ไปบอกว่าผมขอยึดอำนาจ ตอนนั้นนิวัฒน์ธำรงบุญทรงไพศาล ก็เงอะงะ
เพราะตอนนั้นไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว เป็นแต่เพียงพูดตามหลักการ
พวกเราก็ไม่ได้ขัดแย้งนายกประยุทธ์ ยิ่งทำยิ่งเข้าตา อาตมาก็ว่า
คนนี้อยู่ไปเลยกี่ปีก็สนับสนุน จนเดี๋ยวนี้ก็ยังสนับสนุนเป็นต้น
สมณะเดินดิน สรุปจบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น