รายการ พุทธศาสนาตามภูมิ - เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 1
วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564
ณ บวรราชธานีอโศก
ชมการบันทึกวิดีโอเทป
ฟังเทปบันทึกเสียง
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันศุกร์ที่
11 มิถุนายน 2564 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เราก็เพิ่งเสร็จสิ้นจากงานอโศกรำลึกครั้งที่ 40 ปกติเสร็จงานจะต้องมีการพักผ่อน 1
วัน แต่ดูเหมือนไม่มีใครพูดถึงวันพักผ่อน พวกเราก็จะเดินหน้ากันต่อ
ผลจากงานอโศกรำลึกมีหลายบวรตั้งใจบำเพ็ญเพื่อเป็นพุทธบูชา
อย่างบ้านราชฯวันนี้พ่อครูอาจจะแปลกตาที่มีคนมานั่งรอฟังเทศน์แล้ว
หลายชุมชนก็ตั้งใจพร้อมเพียงกันฟังธรรมมากขึ้น ทางปฐมอโศกก็ตั้งใจออกไปทำนาทำสวนมากขึ้น
พ่อครูว่า…SMS
วันที่ 4 - 7 พ.ค. 2564
_Jum Sumalee จุ๋ม สุมาลี
:ในวาระอายุครบรอบ 87ปีเต็มวันนี้ของพ่อครู ขึ้น 88 ปี ขอให้พ่อครูมีอายุยืนยาว
มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ อยู่เป็นร่มโพธิ์ของลูกๆ ไปนานๆเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
พ่อครูว่า…ก็เจตนาตรงกัน
หรือใครอยากให้อาตมาตายไปบ้าง เห็นไอจัง
_Amorn Na Suwan อมร ณ
สุวรรณ : กราบเท้าพ่อท่าน ด้วยความเคารพสักการะบูชายิ่ง
ในโอกาสครบรอบอโศกรำลึกปีนี้พ่อท่านอายุย่าง ๘๘ ๘ แรกคือ มรรค ๘ ๘ หลังคือ วิโมกข์
๘ เป็นแบบที่เด่นชัดเจน
ผมเป็นลูกพ่อท่านคนหนึ่ง
ซึ่งกำลังพากเพียรตาม ผ่านสื่อสารบุญนิยมนานาชนิด
ผมขอกราบเท้าขอบพระคุณพ่อท่านมาในวันสำคัญนี้ด้วยความเคารพยิ่งครับ
_เกษม สันทอง :
พ่อครูผู้เพียบพร้อม จรรยา
สอนสั่งพุทธวิชชา ถูกแล้
โลกุตรธรรมา เผยแผ่
ถึงยากสุดยากแท้ ห่อนสิ้น ความเพียร
พ่อครูว่า…ที่บอกว่าเพียบพร้อมจรรยา
อาตมาก็คงยังไม่เพียบพร้อม ยังไม่ตรงกับที่เขายึดถือสำคัญมั่นหมายกันบ้าง
_โอ๋ บัวกรุ่นบุญ :
น้อมกราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ... พ่อท่านอายุครบ 87 ย่างเข้า
88 ปีแล้ว แต่พ่อท่านยังดูแข็งแรง คล่องแคล่วมากเหมือนหนุ่มๆ
ไม่เหมือนกับอายุเลยค่ะ ลูกขอน้อมกราบอาราธนาพ่อท่านให้มีสุขภาพแข็งแรง
และอยู่กับลูกๆไปนานๆ จนครบอายุที่ท่านตั้งใจไว้ ลูกก็จะตั้งจิต
พากเพียรพยายามอยู่ตามพ่อท่านให้ได้ ปฏิบัติลดละกิเลสให้ได้ตามลำดับ อย่างที่พ่อท่านสอน
และขอติดตามพ่อท่านไปตลอดทุกภพชาติ จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรมค่ะ (โอ๋
บัวกรุ่นบุญ) 5 มิ.ย.64 🙏🙏🙏
พ่อครูว่า…พวกที่บอกว่าจะตามไปทุกภพชาติก็เป็นจิตใจของคนที่เห็นดีเห็นงาม
มันเข้าใจศาสนาด้วย โดยเฉพาะศาสนาอเทวนิยมศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่มันมีความจบกับความไม่จบ
ตายแล้วก็เกิดอีก ไม่เหมือนศาสนาคริสต์หรือศาสนาอิสลาม
เขาตายชาติเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้าเลย อะไรเกิดต่อจากนั้นเขาไม่รู้เลย
ตายเสร็จแล้วปั๊บก็ไปอยู่กับพระเจ้า ปิดความคิดต่อเลย
เขาไม่มีอะไรต่อจากนั้นว่าจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่พระเจ้า พยายามอย่าให้พระเจ้าส่งลงนรกให้ได้
พยายามทำดีเท่าที่จะสุดดี อ้อนวอนพระเจ้าอย่าให้ส่งลงนรกเลย
ไม่สำคัญที่กรรมวิบากว่ามันเกิดกุศลหรืออกุศลเป็นบาปเป็นบุญหรือเปล่าไม่ได้สำคัญอันนี้
สำคัญที่ว่าต้องทำดีตามที่คิดว่าพระเจ้าจะรัก ก็ตาม Concept
ของแต่ละคนอย่างนี้พระเจ้าจะรัก บางคนจะต้องฆ่าพวกที่จะมาทำร้ายศาสนาให้ได้
ก็แล้วแต่ Concept ของใครต่อใคร ขับเครื่องบินไปชนตึกใหญ่ มันก็ต้องตายแน่ๆ
แต่เขาไม่มีปัญหาอะไร เขาสบายชอบใจมากจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าแน่นอน
ทำอย่างนี้เด็ดขาดเลย
จะทำชั่วทำเลวอะไรมาต่างๆนานาไม่เป็นไรทำลูกนี้ไปรับรองได้อยู่กับพระเจ้า
ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่พูดจะไปยาว
_เพชรภาคภูมิ วันดี : 🙏🙏🙏 ช่วงนี้โควิดมา
ไม่ได้ไปวัด นานแล้วครับ 😅🙏
พ่อครูว่า…จนกว่าจะเปิดแล้วค่อยว่ากันอีกทีนึง
ก็ตามเหตุการณ์โลกเขาเป็นไป เราต้องเข้าใจก็เกรงใจเขาไป ฟังทางนี่แหละสบาย
เดี๋ยวนี้ทางสื่อสารมวลชนสบายมาก ตั้งใจเอาก็แล้วกัน
_Sukanya Manobal สุกัญญา
มโนบาล :
๕ มิถุนา บูชาพ่อครู
พ่อครู...ผู้ให้
จิตวิญญาณของพุทธะ
พ่อครู...ผู้สละ สอนหัวใจ
ศาสนา
พ่อครู...ผู้เป็นแบบอย่าง
อริยปัญญา
พ่อครู...ผู้เมตตา
ลูกทั่วหล้า ดงแดนธรรม
กลั่นโดย “ลูกมโนกฤษณะ”
_4125 ลูกขอตั้งปณิธานจะขอติดตามพ่อไปทุกชาติเพื่อรับไช้ศาสนารับไช้พ่อ
จนกว่าพ่อจะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาน
_รุ่งรัตน์ จันทขัมมา :
รายงานตัวขอเป็นลูกศิษย์อโศกอีกคนค่ะ
ปัญญาชำระกิเลสได้จริงตามพระพุทธเจ้าตรัส
_บัวสิ้นบุญ :
สภาวะวันนี้ 5 มิถุนายน
ขณะติดตามฟังพ่อครูเทศน์...ก็มีน้ำตาซึมด้วยความปิติพรูมาจุกอยู่ที่คอหอย
เหมือนอยากจะร้องไห้ ถอนหายใจยาวๆ พิจารณาเวทนาที่เกิด พลันตั้งจิตสำนึกดี
ทบทวนตนเอง ปฏิบัติธรรมเต็มกำลังหรือยัง! สำรวม อินทรีย์ดีพร้อมมั้ย! ประมาณการบริโภคพร่องมั้ย!
มีสติมั้ย!
🙏 น้อมกราบคารวะตั้งจิตบูชาพ่อครูสมณะโพธิรักษ์
ลูกขอก้าวตามพ่อ จะลดละกิเลสให้มาก ดำเนินอปัณณกปฏิปทา พากเพียรปฏิบัติอธิศีล
สร้างจิตวิญญาณให้แข็งแรงค่ะ 🙏
พ่อครูว่า… อปัณณกปฏิปทา 3 เป็นหลักสำคัญมากเลยทำตามหลัก สังวศีล สำรวมอินทรีย์
โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ
พยายามพากเพียรกำจัดกิเลสด้วยปัญญากำจัดด้วยอย่างอื่นไม่ได้เหรอ
ต้องเอาปัญญาเท่านั้น ปัญญาก็เป็นเรื่อง อจินไตย
เป็นพลังที่มีความรู้แจ้งรู้จริงรู้ชัดว่ามันเป็นกิเลส มันไม่เที่ยง
มันพาให้เป็นทุกข์ มันไม่มีตัวตนหรอกมันมาเสแสร้งมันมาสร้างมายามามีตัวตนถาวรนิรันดร์
เราพิสูจน์แล้ว
พระพุทธเจ้าพิสูจน์แล้ว กิเลสมันไม่เกิดกับท่านอีกเลย
ไม่เกิดกับพระอรหันต์ทุกองค์ มันไม่เกิดอีกเลย มันก็ทำตัวเก่งตัวมีอยู่เท่านั้น
ปุถุชนโง่ให้กิเลสครอบงำอยู่เท่านั้น พอรู้จริงๆแล้วชัดเจนปัญญาขึ้นเต็ม
กำจัดกิเลสได้จนกิเลสมันไม่เกิดอีกเลยมันไม่มีจริงๆ ไม่มีกิเลสเกิดในจิต
แล้วจิตคนไม่มีกิเลสเกิดในจิตนี่มันโอ้โห
อย่างอาตมาบรรลุแล้วเห็นสุดยอดสบายคล่องไม่มีอะไรรบกวน
พูดแต่สิ่งที่จริงอย่างเดียวจบเลย
ส่วนคนไม่เข้าใจหาว่าเราพูดจริงก็ว่าไม่จริงเพราะเขายึดถืออย่างอื่น
อาตมาพูดจริงอย่างเดียว แต่คนที่ไม่เข้าใจหาว่าอาตมาพูดผิดๆถูกๆ
เพราะเขายังไม่สมบูรณ์ในความถูกต้องขาวๆเขาก็ว่ามันเป็นธรรมดาธรรมชาติของเขาอย่างนั้น
ส่วนคนที่ชัดเจนว่าอันนี้ผิด แล้วเรารู้ว่าเรากำลังเข้าใจผิด
ท่านผู้รู้อื่นเพี้ยนไม่ตรงกับที่อาตมาพูด เขาก็รู้ว่าที่ทำอย่างนี้ถูกหรือเขาก็ปรับเปลี่ยนได้อีกอย่างนี้มันจะเจริญอย่างนี้
_ป้องแดนพุทธ :
วันนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว(7 มิ.ย. 61) ผมได้ปฎิบัติธรรม มีการพัฒนาและตรวจศีล
อ่านสักกายะในตน ปฎิบัติมาเป็นลำดับๆ จนถึงความเป็นอุเบกขา ไม่สุขไม่ทุกข์ได้จริง
มีแต่การสร้างกรรมที่เป็นกุศล และทดสอบตนอยู่เสมอในผัสสะต่างๆ
ว่าผมได้ผลแล้วจริงหรือไม่ ผลสรุปก็อุเบกขาได้จริงครับ
มีการทบทวนตรวจตนอยู่เสมอๆว่าอุเบกขา
ผมได้นั้น จริงหรือไม่ และช่วงที่พ่อท่านเทศน์วิชชาจรณสัมปันโน ผมซาบซึ้งและทบทวนไปตามด้วย
เห็นประโยชน์อย่างยิ่งเลย กราบขอบพระคุณพ่อท่านสุดเศียรเกล้าครับ
SMS วันที่ 8- 9 มิ.ย.
2564
_แดง ลานกราบ :
ในชีวิตนี้เคยมีความอยากเจอพระอรหันต์สักท่านในโลกและได้ศึกษาวิชาอรหันต์จากท่านให้เกิดขึ้นได้ที่ตัวเอง
ตอนนี้ชาตินี้ได้เจอแล้วค่ะ พระอรหันต์ท่านนั้นคือพ่อครูสมณะโพธิรักษ์นี่เอง /
พ่อครูว่า…คนที่ชัดก็ชัด
คนที่ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ อย่างเขาเห็นมหาบัว อาจารย์มั่น
ธัมมชโย เป็นพระอรหันต์ เป็นต้น
_แดง ลานกราบ :
ถ้ำที่ขังใจอยู่ตอนนี้คืออาหารที่ผ่านการทอดเห็นทีไรใจสั่งให้มือจับมากินทุกที
ต่อแต่นี้ขอห้ามใจไม่ให้สั่งมือจับมากินอีกค่ะ กำลังฝึกห้ามใจค่ะ
โดยเห็นโทษภัยของอาหารทอดค่ะ
_พิศมัย ชำนาญคิด :
กราบนมัสการค่ะ วันนี้ฟังธรรมเรื่อง อสูรกายความไม่กลัว เข้าใจมากเลย
ทั้งที่วันนี้สัญญานการถ่าทอดสดสะดุดเป็นช่วงๆ นะคะ จากคลองหลวงปทุมธานีนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
_Chittra Aswin จิตรา
อัศวิน : พ่อครูท่านเป็น..สามีจิปฏิปัณโน..ท่านเป็นเจ้าของธรรม..ท่านจึงองอาจ
กล้าหาญ แกล้วกล้า เป็นสุระภาโว..โดยแท้เทียว เจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาแกล้วกล้าอาจหาญทั้งๆ
ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของธรรมะหลอก แต่อาตมามั่นใจธรรมะที่อาตมานำมาเผยแพร่ต่อ
อาตมาไม่บาปไม่กบฏต่อธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาทำตรงทำถูก
เพราะฉะนั้นจึงกล้าหาญจะไปกลัวอะไร
_ชุมพล ยอดสะเทิน :
ผมตั้งศีลกินมื้อเดียวถวายพ่อครูทำได้เข้าวันที่ 5 แล้วครับ จริงๆแล้ว
ก็เป็นประโยชน์กับตัวผมเองครับ กราบนมัสการด้วยความเคารพยิ่ง
พ่อครูว่า…เริ่มรู้แล้วว่าจะเป็นประโยชน์กับใคร
_กินมังเจ บริสุทธิ์ :
วันนี้หยุดไปหาเงินเพื่อยัญพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุนี้
_เกษม เพ็งกลาง :
น้อมกราบพ่อครู ดูยังไงก็ยังหนุ่ม
_OMT Chp : เคยเชียร์ทักษิณ
แล้วออกมาไล่ แล้วประยุท เจ็ดปีแล้ว ท่าน...ออกเชียร์แบบนี้ รัฐบาลยิ้มเลย
พ่อครูว่า…สมควรเชียร์ก็เชียร์
สมควรไล่ก็ไล่ ตอนนี้ทำงานดีก็สนับสนุน
ถ้าคุณประยุทธ์เป็นอย่างทักษิณอีกก็จะออกไปไล่ ถ้าขบถไม่ทำงานอย่างดี ทุกวันนี้ยังทำงานอย่างดีและเห็นใจว่าทำงานหนักด้วย
ทักษิณนอกจากจะโกงแล้วยังไม่เป็นโล้เป็นพายล่อกันเละเล่นการเมืองกันทั้งนั้น
สร้างบริวารทำอะไรต่างๆนานา มันไม่ได้เป็นโล้เป็นพายอะไร
_น้าทะนา สไตล์ :
ไล่ทักษิณไป ไม่ไปเช็คราคายาบ้าดูบ้าง หวยเถื่อน ซ่องบ่อนเต็มประเทศ
ไม่ออกไปดูบ้าง น่าภูมิใจในความสำเร็จจริงๆ
พ่อครูว่า…ประชดมาเลยคนนี้
สองคนยลตามช่อง ว่ากันไป
_น้องพอเพียง ลานนาอโศก :
ขอให้หลวงปู่มีสุขภาพแข็งแรง และอายุยืนยาวค่ะ
_น้องเพ็ญ ลานนาอโศก :
ขอให้หลวงปู่มีอายุยืนยาว อยู่สอนธรรมะพวกหนูไปนานๆนะคะ
_เบิกฟ้า หาพุทธแท้ :
น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพศรัทธาอย่างสูงครับ
และกราบอาราธนาขอให้พ่อครูมีสุขภาพแข็งแรงมีอายุยืนนานดังที่ปรารถนาเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบไปครับ
(คำอวยพรยังมีอีกหลายที่
หลายโพสต์ แต่เก็บมาเพียงเท่านี้ครับ)
พ่อครูว่า…อาตมาตั้งใจจะเอาหนังสือเล่มนี้แหละ
เปิดยุคบุญนิยม ก็ขอโฆษณาจริงๆ ถ้ายังไม่ได้ พยายามไปหามาเอาไป
ไม่ได้ขายด้วยไม่ได้หวงหวน ให้ออกไปอ่านเถอะ อาตมายังอ่านเลย
อาตมาไม่ใช่ไปหลงตัวหลงตน แต่ว่าอาตมาต้องไปที่ความหมายของสาระสัจธรรม
อ่านแล้วเราพยายามจะเขียน สื่อความเป็นสัจธรรม สภาวะธรรมอะไรออกมา ก็รู้สึกว่า
ยุคนี้ อาตมามาทำงานนี้ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าพอใจในตนเอง ที่ตนเองไม่สูญเปล่า
มาทำงานที่เป็นคุณค่าของธรรมะพระพุทธเจ้าสัจธรรมพระพุทธเจ้า
เอามาทำเป็นหลักฐานเป็นหนังสือ ที่คนแต่ละคนจะเอาไปอ่านได้ ถ้าพูดนี้มันก็หายไป
ถ้าเขียนเป็นหนังสือพิมพ์ออกมามันก็เป็นไอ้ใบ้เสียงดัง ไปอยู่ที่ใครก็อ่าน
อ่านเถอะ
อาตมาอ่านแล้ว นี่ก็อ่านจนจวนจะครบเล่มแล้ว ไปได้กว่าครึ่งแล้ว จริงๆนะ
ตั้งใจอ่านจริงๆไม่ใช่อ่านผ่านๆ เหมือนทวนงานตัวเอง
แต่ตั้งใจอ่านเอาเนื้อหาสาระเลย อันไหนที่ยังบกพร่องอยู่ก็เติมแก้ ดีจริงๆ
ไม่ใช่โฆษณาหรอก แม้แต่ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ควรจะได้อ่านกันทุกคน
มันสุดยอดจริงๆอาตมาว่าไม่รู้จะว่าอย่างไร
อาตมาก็สบายใจตนเองภูมิใจตัวเองว่าได้บันทึกสาระสัจจะของพระพุทธเจ้าลงไปไว้ให้เป็นหลักเป็นฐาน
พยายามตรวจสอบกับว่าตรงกับของพระพุทธเจ้าใหม่สมบูรณ์แบบมั้ย
ก็พบว่าคุ้มกับชาตินี้ที่อาตมาได้เกิดมาทำ
ก็ทำมาไม่รู้กี่เล่มแล้วเป็นร้อยเรื่องแล้ว
เล่มเล็กเล่มน้อยเล่มใหญ่จนหนาปึก บางเล่มเอาหนุนหัวได้
ทำมาตั้งเป็นร้อยเล่มพิมพ์ออกมาก็เป็นล้านเล่มแล้ว
พูดไปเทศน์ไปที่ไม่ได้บันทึกอีกเยอะ
แต่ที่ได้บันทึกไว้ก็คิดว่าเราได้ทำงานรับใช้ศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้า
ไม่ได้ทำเพื่อหาเงินหาทองเลย ทำเพื่อที่จะทำงานศาสนาจริงๆ
ซึ่งอันนี้แหละสุดยอดก็ไม่เคยไปเรี่ยไร คนช่วยกันก็ทำกันไป
ทำรอดกันไปอยู่ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องไปเรี่ยราย ไม่ต้องไปหาเงินมาสร้างเสริม
พวกเราก็ช่วยกัน แม้แต่คนข้างนอกที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ยังไม่เป็นตามสเปคของเรา
กำหนดไว้ ผู้ที่ยังไม่รู้จักอโศกเลยบริจาคมาเราก็ไม่ได้รับมา
เราก็ซื่อตรงต่อหลักเกณฑ์ของเรา ตรากันไว้ตลอด
เงินที่ใช้ทำมา
ก็เป็นเงินจากผู้ที่เข้าใจว่าเอาเงินมาให้พวกเราทำงาน
ให้พวกเราได้ใช้ในวงการสงฆ์ศาสนา
เข้าใจพวกเราดีว่าเงินนั้นจะมาสนับสนุนส่งเสริมที่เราจะไปแพร่กันไปมันเป็นของดีงามเป็นของถูกต้อง
เป็นของที่คุณจะต้องสนับสนุน หรือคุณจะแค่ถูกมอมเมาไม่ได้ตรวจตราไม่ได้รู้อะไรเลย
เห่อตามไปเฉยๆ อันนี้เราก็พยายามป้องกันคนที่ไม่รู้ ที่จะไปเรี่ยไร
เพื่อให้ได้สวรรค์วิมานอะไร ไม่ใช่ คุณไม่ต้องไปคิดถึงอันนั้นเลย
สอนไม่ให้คิดถึงอันนั้นด้วย อันนั้นมันคิดแล้วเป็นภพเป็นชาติ ไม่ต้องเลย
แต่ที่สนับสนุนให้เผยแพร่ธรรมะพระพุทธเจ้า ต้องเนื้อแท้เท่านี้แหละ
แล้วจะช่วยให้คนได้รับประโยชน์ต่อจากนั้นไปจบในตัว ไม่ใช่ไปมีสวรรค์วิมาน มี
สาเปกโข ปฏิพัทจิตโต สันนิธิเปกโข ดีไม่ดีเป็นวิมานเอาไว้กินข้ามภพข้ามชาติอีก
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อไม่เข้าเนื้อเข้าแก่นอะไรเลย
แสดงถึงว่ายังไม่ถึงขั้นชัดเจนในเรื่องของภพชาติ ยังมีสันตติ
ยังไม่สิ้นต่อภพต่อชาติ
พวกเราสอนกันพูดกัน
เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาขยายความลึก ที่พูดนี้พูดตามทานสูตร ครบบริบูรณ์เลย
เดี๋ยวนี้ทานข้อแรกของสัมมาทิฏฐิผิดหมด เป็นมิจฉาทิฏฐิหมด พูดได้เลยว่าหมด
ไม่ตัดภพตัดชาติ ทานของเขา มีแต่ต่อภพชาติทั้งนั้นเลย ดีไม่ดีก็แต่งบทบาลีใหม่เลย
จะต้องมียถาวารีวหา
มีคำพระพุทธเจ้าไว้หน่อยนึงก็แต่งเติมต่อไปเป็นคำขยายความเบี้ยวๆผิดๆให้เกิดภพเกิดชาติ
คนที่แต่งยถาสัพพีแล้วมาท่องกันเพื่อมอมเมากัน บาปไม่รู้จักเท่าไหร่
บาปเพราะทำลายธรรมะความหมายพระพุทธเจ้าให้ผิดเพี้ยนไป ยถาสัพพีนี่แหละ
แค่นี้ก็บาปแล้ว แต่เสร็จแล้วก็บอกว่าเป็นกุศลนักหนา เป็นคำให้พรเป็นคำประเสริฐ
แต่มันทำให้เข้าใจผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ ยังมีบาป
อาตมาพูดอย่างนี้หลายคนก็อาจจะรู้สึกว่าเอาอะไรมาพูด
นักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลายแหล่เขาเทิดทูลสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น
โพธิรักษ์แน่อย่างไร
สู่แดนธรรม...ยะถาสัพพี
มีคำของพุทธเจ้านิดหน่อย นอกนั้นเป็นคำแต่งใหม่เป็นเรื่องนอกรีต
พ่อครูว่า…พาให้
ยถาวารีวหา ปุราปริปุเรนติสาครัง ความหมายผิดเพี้ยนไปเลย
ซึ่งเป็นการบรรยายธรรมชาติธรรมดาเท่านั้นเอง แล้วเอามาใสแปะไปหน่อย
พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสผิด แต่เอาเงินมาสัพพีติโย
มาถวายเพื่อให้บุญคุณจะได้เต็มเปี่ยมอย่างนี้ผิด ให้เอามาประกอบให้ยินดีในการทำทาน
ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดออกนอกรีตไป ก็เลยทำให้มีบทประกอบ บทคำประณามคาถา
หมายความว่าเป็นคำที่สรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า ที่แต่งใหม่เรียกว่าประณามคาถา
เป็นคำสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า ผู้ที่เป็นสาวกแต่งขึ้นสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า
แต่สรรเสริญอย่างผิดๆ มันก็ได้บาปไม่ใช่ได้บุญ
อาตมาพูดนี้มันแรง
ไปลบล้างความเชื่อถือเป็นลัทธิของเขา อาตมาพูดไปนี้มันยาก
อานิสงส์ของทาน
อานิสงส์ของทาน
ทานสูตร พตปฎ. เล่ม 23 ข้อ 49
พ่อครูว่า…ผลนี่เป็นโลกีย์ อานิสงส์เป็นโลกุตระ
คู่โลกุตระคือ มีกิเลสกับการละกิเลส นี่คือประโยชน์ของศาสนา
คุณทำทานแล้วคุณได้ละกิเลสทำให้กิเลสลดลงจางคลายลงหรือไม่ ถ้าทำยิ่งให้
แต่กิเลสยิ่งเพิ่ม กิเลสยิ่งโตภพชาติยิ่งเพิ่มขึ้นอันนี้แหละไม่มีอานิสงส์
มีอานิสงส์ภพชาติต้องลดลงหรือจะภพกับชาติ เพราะฉะนั้นทานต้องอย่าให้เกิดภพเกิดชาติ
สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องให้ทานเช่นนั้นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก
ไม่มีอานิสงส์มากอะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้ทานเช่นนั้นนั่นแล
ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ
พ่อครูว่า…ศาสนาพุทธไม่มีสวรรค์นรก สวรรค์ก็คืออาการของจิตที่เป็นสุข
นรกก็คืออาการของจิตที่เป็นทุกข์ ทำทานต้องไม่มีสุขไม่มีทุกข์
แต่รู้จักประโยชน์คืออานิสงส์ คนที่มีอานิสงส์สมบูรณ์
มีประโยชน์สมบูรณ์คือทำทานให้กิเลสหมดจากจิต อย่างพระอรหันต์ทำฐานจิตท่านก็เฉยๆกลางๆทุกท่านไม่มี
รู้แต่สาระอันนี้ควรทาน อันนี้ควรให้ คนนี้ไม่ควรให้ก็ไม่ต้องให้ ให้แล้วเป็นโทษ
อันนี้ให้แล้วเป็นคุณ ก็เป็นสาระแท้ๆเลย นี่แหละคือยอดแห่งเศรษฐศาสตร์ ในโลก
อย่าว่าแต่เศรษฐศาสตร์เลย การเมืองด้วย รัฐศาสตร์ด้วย สังคมศาสตร์ด้วยสุดยอดเลย ทำได้ตรงจิตคุณเป็นอุเบกขาทั้งหมดเลยเรื่องการทำทาน
แค่การทานเรื่องเดียวคุณก็เป็นอรหันต์ได้ ขอให้เข้าใจและทำจริง
พ. ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังมีความหวังให้ทาน
มีจิตผูกพันในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่า
เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม
เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์ แก่สมณะหรือพราหมณ์
ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
พึงให้ทานเห็นปานนี้หรือ ฯ
ล.23 ข.49 ทานสูตร เทวดา 6 อย่าง พรหม 1 อย่าง
อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร
ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว
1. ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ
2. มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ
3. มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ
4. ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้
ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ
อันที่ 2 ดาวดึงส์ คือ
ทำทานเพราะว่าเห็นว่าเป็นความดี
อันที่ 3 ยามา คือ
ทำทานเพราะเพื่อเป็นประเพณี
อันที่ 4 ดุสิต
คือทำทานเพราะเห็นว่า สมณะหุงหาอาหารเองไม่ได้
อันที่ 5 นิมมานรดี
คือทำทานเพราะทำตามฤาษีใหญ่ๆ
อันที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตตี
ทำทานเพราะว่า อยากได้ปลื้มใจ(อตฺตมนตาโสมนสฺสํ)
อันที่ 7 สหายแห่งพรหม
คือทำทานอย่างมี จิตฺตาลงฺการ จิตฺตปริกฺขารํ (ต้องทำปุญญาภิสังขาร
ทำทานเพื่อลดกิเลส)
พ่อครูว่า…นี่แหละคือทานที่มีผล แต่ไม่มีอานิสงส์ คุณทำทานเป็นโลกีย์
มีผลเป็นกุศลอกุศล แต่จะเป็นโลกุตระคือจะต้องตัดกิเลสกับไม่ตัดกิเลส
ให้ทานคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยทานนี้
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาต่างๆ ก็มีเทวดา จตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา
ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี ซึ่งเป็นผู้ที่หลงผิดไปสร้างแบบ เดียรถีย์
เป็นภพชาติโลกีย์แล้วนับถือสืบทอดกันมาอย่างผิดๆ
พระพุทธเจ้าก็มาเลิกสิ่งที่ผิดเรานี้ให้ชัดเจน อ่านภพชาติ
ภพชาติที่ว่า ไม่ได้อยู่ที่ตายไปแล้วเป็นภพชาติ
อันนั้นมันก็เป็นเหมือนกันคุณมีภพชาติตายไปแล้วมันก็มีความเป็นผีนรกสวรรค์เทวดาตามอุปาทาน
จะบอกว่าไม่ใช่ไม่เป็น
ไม่เป็นก็คือคุณต้องทำให้กิเลสหรือเหตุของมันให้มันไม่มีเหตุจริงๆ
จบในชาตินี้เป็นอรหันต์ตอนเป็นๆ ตายไปแล้วมันก็ไม่มี
ตอนเป็นคุณก็ไม่มีตายไปแล้วคุณจะไปมีได้อย่างไร แต่ถ้าตอนเป็นคุณยังเกิดอยู่
ตอนเป็นยังมีอยู่ตายไปมันก็มี สิ่งที่ไม่มีก็คือไม่มี
ผู้ที่ทำให้ไม่มีได้ก็จบเป็นอรหันต์ ถ้าคุณยังไม่ได้ก็ยังไม่เป็นอรหันต์
มันง่ายจะตายไป
ทีนี้พวกมิจฉาทิฐิไม่มีเหตุปัจจัย มิจฉาทิฏฐิ ลัทธิ 3 ของท่าน
ซึ่งเป็นลัทธินอกรีต
1. ปุพเพกตเหตุวาท
(ลัทธิเชื่อว่า..กรรมเก่าเที่ยงแท้) หรือลัทธิคำสอน สอนกันว่า กรรมเก่าเที่ยงแท้
ศาสนาพุทธมีส่วนเห็นว่าอันนี้ถูกอยู่ด้วย
2. อิสสรนิมมานเหตุวาท
(ลัทธิเชื่อว่าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่หรือเทพเจ้าเป็นผู้เนรมิตสร้างบันดาลให้)
ตามเทวนิยมที่เขาเป็นอยู่อย่างส่วนใหญ่
3. อเหตุอปัจจัยวาท
(ลัทธิเชื่อในสิ่งเหนือเหตุปัจจัย) ไม่มีเหตุไม่มีปัจจัย
ลัทธิอย่างนี้เดี๋ยวนี้มีอีกเยอะขึ้น พวกเทวนิยมเป็นต้น
เขาไม่ถือว่ากรรมวิบากมีผลอย่างไร ไม่รู้รายละเอียดของกรรมกิริยากายวาจาใจ
ไม่ได้เรียนรายละเอียดของคำว่าได้ฝึกหัดควบคุมให้กายวาจาใจของเราทำอย่างที่มีผลดีที่สุด
ไม่ได้ศึกษา
ท่านย่นย่อไว้เพียง 3 ลัทธินอกพุทธก็สมบูรณ์แบบแล้ว
เดี๋ยวนี้มีหมดทั้ง 3 แบบเต็มไปหมด แล้วผู้มีศาสนาก็เป็นแบบ 2 เยอะ แบบ 1
มีน้อยแม้แต่ในพุทธเอง ไม่กลัวกรรมเก่า
สั่งสมไปแล้วก็ไม่เคยแคร์ว่ากรรมเก่าที่เราสั่งสมไปแล้วมันจะมีฤทธิ์เดชกับเราบ้างนะ
มีอำนาจมีผลสั่งส่งเป็นต้นทุนเอาไว้มันก็มีพลัง static พลังตัวตั้ง
นำพาให้เกิดพลังใหม่มีอิทธิพล ตามพลังตัวตั้ง สะสม อวิชชามาก เป็นต้น
มันก็เป็นอย่างนี้ตามที่คุณถูกความเชื่อสั่งส่งเป็นน้ำหนักให้ยิ่งมากยิ่งแรง
ก็ยิ่งผลักดันให้คุณทำ ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิก็เป็นมิจฉาทิฏฐิมากแรงตามที่คุณมีต้นทุน
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดินว่า…คำกล่าวทำทานที่เขาแปลเป็นไทยได้ว่า
“ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ฉันใด
ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้ว
ฉันนั้น ขออิทธิผลที่ท่านปรารถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว จงสำเร็จโดยฉับพลัน
ขอความดำริทั้งปวงจงเต็มที่ เหมือนดังพระจันทร์วันเพ็ญ (และ)
เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสว”
เป็นคำที่เต็มไปด้วย สาเปกโข
พ่อครูว่า…การศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตระธรรมเป็นเรื่องของสัจจะความจริงที่พิสูจน์ได้
คนเรานั้นน่าสงสาร โดยเฉพาะชาวพุทธแล้ว คนที่ยังไม่ใช่ชาวพุทธก็น่าเห็นใจเขา
โดยเฉพาะเขามีตระกูลสืบทอดมาจากปู่ย่าตาทวด
เป็นสายเทวนิยมมาจะออกมาทางนี้มันไม่ง่าย
แม้แต่ศาสนาบางศาสนาบอกว่าอย่าไปศึกษาคำสอนนอกรีตอื่นเป็นบาป มันก็เลยน่าสงสาร
ถึงน่าสงสารอย่างไรก็ช่วยเขายาก แต่ชาวพุทธด้วยกันนี่สิ มันยากยิ่งกว่าอีกเจ้าประคุณเอ้ย
อันโน้นยากเราก็ไม่ไปลงแรงเพราะเราไม่ได้ไปช่วย
แต่นี่ยากเราก็ต้องช่วยเพราะเป็นพุทธด้วยกัน ไม่รู้จะว่าอย่างไร
ถ้าไม่ช่วยคุณก็ทำผิด มันไปทำลายให้ศาสนาเสื่อมมันเป็นเหตุปัจจัยที่จำเป็นต้องช่วย
หนึ่งก็เห็นใจนะพวกที่เป็นพุทธแล้ว ตั้งใจมา แล้วบางคนพากเพียรตั้งใจใส่ใจในการที่จะให้เกิดธรรมะ
มันก็ยิ่งน่าช่วย น่าสงสาร ที่จะให้เข้าใจถูกๆให้เข้าใจตรงทาง
ดำเนินให้ไปถึงอานิสงส์ ไม่ใช่มีผลมากแต่ไม่มีอานิสงส์เลย ไม่มีอานิสงส์มากเลย
มีแต่ผลมาก ผลมากนั่นคือโลกียะ อานิสงส์มากก็คือโลกุตระ ไม่มีอานิสงส์เลย คือ
ไม่พาให้รู้จักจิตเจตสิก รูป นิพพาน ไม่ทำให้รู้จักจิต ไม่ทำให้เกิดสัมโพชฌงค์
หนึ่งไม่รู้ตั้งแต่มีสติ สตินี้เป็นตัวตั้ง
สติมีธาตุรู้ที่รู้พร้อมตื่นเต็ม กายวาจาใจ สติเต็มทั้งกายกรรม สติเต็มทั้งวจีกรรม
สติเต็มทั้งมโนกรรม พร้อม ตื่นเต็ม
กาย ซึ่งลึกซึ้ง กายไม่มีจิตร่วมด้วย มีแต่วัตถุ
กายมีแต่ดินน้ำไฟลมไม่ได้ นั่นเป็นมิจฉาทิฏฐิเบื้องต้นเลย
ซึ่งอาตมาก็อธิบายแล้วอธิบายอีก ยากจริงๆ เพราะมันเสื่อม มันเพี้ยนไปไกลมาก
เพราะคำว่ากายในสังโยชน์ข้อที่ 1 จะหาสัมมาทิฏฐิเข้าใจคำว่ากาย
นอกจากเข้าใจกายในสังโยชน์ข้อที่ 1 ถูกต้องแล้ว ก็จะต้องตรวจว่ามันอยู่กับตนนะ
สักกะ มันเป็นตัวตนนะ เป็นของตนตัวตนนะ ทุกเวลา ทุกนาที ทุกอิริยาบถ กาย วาจา ใจ
กรรมกิริยาของกาย วาจา ใจ
มันเป็นของตนทั้งนั้น กัมมสโกมหิ
กัมมทายาโท กรรมโยนิ ตั้งแต่เริ่มกรรมในจิต ออกไปทางวาจา ออกไปทางกาย
ร่วมด้วยทั้งนอกทั้งใน คุณจะเกิดบทบาทเต็มรูป ถ้าเรียกว่ากาย จะให้ครบก็มีทั้ง
นัจจะ คีตะ วาทิตะ นัจจะคือท่าทาง คีตะคือเสียง วาทิตะคือคำพูด
ต้องมีสติกำกับทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม สติเป็นอธิปไตย ปัญญาเป็น อุตระ
มีในมูลสูตร 10 เพราะฉะนั้นสติเป็นอำนาจคุมทุกอย่าง กาย วาจา ใจ อำนาจใหญ่สติเป็นอธิปไตย
และมีปัญญาเป็นสิ่งที่อยู่เหนือเป็นโลกุตระ
คืออุตระ คือเหนือ เหนือตนเหนือโลก อธิปไตยที่เหนือโลก
โลกาธิปไตยที่เหนืออัตตาธิปไตย ไม่เอาอัตตาเป็นอำนาจ
เป็นไปตามสัจจะที่เป็นสังขารปรุงแต่งทุกปัจจุบัน ไม่ใช่มีอัตตาเข้าไปร่วม
เป็นการมีอำนาจที่ไม่ให้อัตตาไปมีอำนาจ
รู้จักอัตตาแล้วไม่ให้อัตตาเป็นอำนาจ
แต่ถ้าผู้ใดยังอวิชชาไม่รู้จักอัตตา แล้วไม่สามารถมี วสวัตตีโก
ไม่ผู้ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ คุณก็ถูก อัตตาคุณเป็นอำนาจมากหรือน้อยก็แล้วแต่
ผลักดันไปตาม อัตตา ก็ทำกรรมกริยาที่มีอัตตา แทรกแซงอยู่ในกรรมกริยาต่างๆ ถ้าไม่มีอัตตาไปแทรกแซงคุณก็เป็นกรรมกิริยาที่บริสุทธิ์
ไม่มีตัวตนเข้าไปแทรกแซง มีแต่ปัญญา ปัญญาที่เหนือ เหนือโลกเหนืออัตตา
นี่คือสัจจะที่มันต้องมีสภาวะจริงจึงจะพูดถูก อาตมาพูดตามสัจจะที่อาตมาเข้าใจ
ที่มีจริง ไม่ใช่เอามาจากตำรา
พูดอย่างไม่ได้อวดตัวอวดตน
พูดว่าไม่ได้เอามาจากตำรา เอามาจากของตนเอง
เพื่อยืนยันว่าที่พูดนี้เป็นเรื่องของความจริง เพื่อจะให้เห็นว่า
อาตมาก็เป็นคนคนหนึ่งเหมือนเราทุกคน เหมือนปราชญ์ทั้งหลายในยุคนี้ เป็นคนเหมือนกัน
แต่ความเป็นปราชญ์ของท่านกลับค้านแย้งกับของอาตมา
แล้วอาตมาขอยืนยันว่าอาตมาจะไม่พูดผิด อาตมาจะพูดแต่สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นจะขัดแย้งกับปราชญ์ที่ไหนก็ช่าง
อาตมาก็ไม่ได้ไปกังวลว่าจะขัดแย้งกับปราชญ์ที่ไหน
อาตมามีหน้าที่ที่จะพูดความจริงตามที่อาตมามั่นใจว่าควรพูด
เพราะว่ามันต้องเอาความจริงที่ถูกต้องถูกตรงที่สุด
เข้าไปตราสถาปนาลงไปในความรู้ โดยเฉพาะความรู้ที่ชื่อว่าเป็นของพระพุทธเจ้า
ของพระพุทธเจ้าถูกจริงหมด ตรงหมด อาตมาก็ว่าอาตมาตรงจริง
ตามที่อาตมาเชื่อมั่นว่าตรงกับของพระพุทธเจ้า ส่วนใครจะตัดสินมันไม่มีหรอก
ไม่มีใครสามารถจะมาตัดสินได้หรอก เพียงแต่ว่าคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้นเอง
การทำงานศาสนาพุทธทุกวันนี้ที่อาตมาเกิดมาในชาตินี้มาทำงานมันยากมากตรงที่ว่า
มันไม่มีแล้วธรรมะพระพุทธเจ้า โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่มีแล้ว
มีแต่ธรรมะเพี้ยนผิดไป เป็นกลองอานกะแบบใหม่ สมัยใหม่ไปหมด
ไม่มีเนื้อไม่มีเชื้อของกลองใบเก่าเลย ไม่มีโลกุตรธรรม แต่เป็นโลกียะที่ปรุงแต่งเลอะเทอะเละเทะ
เป็นโลกียะที่หยิบมาจากของต่างๆ แล้วเอามาปรุงแต่งเองด้วยนะ
นี่คือความคิดของชาวพุทธนี่แหละปรุงแต่งโลกียะต่างๆของเขาที่มีเก่า
ปรุงแต่งใหม่ดูแล้วยากน่าเศร้า
ยุคพระพุทธเจ้าไม่มีเดรัจฉานวิชาหนักขนาดนี้ ไม่มีไสยศาสตร์ขนาดนี้
ไสยศาสตร์อยู่ในศาสนาอื่นก็มี ในยุคพระพุทธเจ้า
เดรัจฉานวิชาอยู่ในศาสนาอื่นก็มีในยุคพระพุทธเจ้า
เดรัจฉานวิชาไสยศาสตร์เขายังไม่บ้าบอเท่ากับในยุคนี้เลย ยุคนี้คนพุทธนะ
แต่ไปเอาไสยศาสตร์มาทำแล้วปรุงแต่งเขาเสียเละ
เอาเดรัจฉานวิชาของเขามาปรุงแต่งเสียเละ เน่าเหม็นสกปรกเลอะเทอะบาปหนักบาปหนา
โง่เง่า โมหะ ร้ายแรงกว่าเขาอีก น่าสังเวชใจจริงๆ อยู่ในวงการศาสนา
เป็นนักบวชทำกันด้วยนะ มันน่าสลดใจขนาดไหน วงการศาสนา
อาตมาพูดได้ทุกวันนี้
ในศาสนาที่ชาวอโศกที่อาตมาพาทำยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ อาตมาก็พูดได้อย่างสบาย
แต่ถ้าใครขบถขึ้นมา คนก็จะบอกว่านี่ไงอโศกก็มี อาตมาจะหน้าแหกขนาดไหน
หมอทุกวันนี้เขาก็ไม่มีหน้าที่จะรับเย็บเพราะงานโควิดเขาก็หนักอยู่แล้ว
อาตมาก็เลยจะต้องเน่าแน่นอนเพราะว่าหน้าแหกไม่มีหมอช่วยรับเย็บ
ไม่น่าจะแหกยุคนี้เลย
สมณะเดินดินว่า…พ่อครูปลูกฝังมา 50 ปีมันคงทำไม่ขึ้นแล้ว
พ่อครูว่า…คนที่ไม่เสนอหน้าอยู่ทางบ้านไม่อยากแสดงตัวเพราะองค์ประกอบข้อมูลหลายอย่าง
เหตุปัจจัยที่เขาเองแสดงตัวไม่ได้ก็มี อยู่ในวงการเถรสมาคมนั่นแหละ
อยู่ในวงการศาสนาพุทธ เขามีตำแหน่งหน้าที่ทางโลก
แต่เขาแสดงตัวไม่ได้ก็มีอยู่คุณเชื่อว่ามีไหม
สมณะเดินดินว่า…ถ้าหากสมณะเราทำเดรัจฉานวิชามันคงไม่ขึ้น
เพราะญาติโยมเขารู้หมดแล้ว แต่ พ่อครู ยืนยันว่าขึ้นผมก็เลยงง ผมมุ่งหมายพวกเรา
พ่อครูว่า…มันยังไม่มีก่อหวอด มันก็ไม่มีขึ้นหรอก ในอโศกทุกวันนี้
ยังดีนะ กายต่างกันสัญญาต่างกัน เลยพูดกันไม่ลงตัว
หนังสือเปิดยุคบุญนิยม อาตมาทำหนังสือมาหลายเล่มแล้วแต่เล่มนี้อ่านแล้วมันเข้าเป้าตรงที่ควรจะต้องให้รู้
คนควรจะรู้อันนี้ให้เข้าใจแล้วเอาไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะได้เอาไปทำ
มันก็หาจุดที่จะไปนิพพานจุดที่จะเป็นโลกุตระได้ดีมากเลย
(๑) บุญต้อง “ทำเป็น”
คืออย่างไร
ฉบับนี้เราจะสาธยายเรื่อง“ภพ”กันให้ละเอียดยิ่งๆขึ้นโดยเฉพาะคำว่า“บุญ”ตามชื่อหนังสือเล่มนี้นี่แลที่สำคัญนัก
“บุญ”คือ พลังงานของจิตใจที่ผู้เรียนรู้จะต้อง“ทำ”ให้เป็น
“ทำเป็น”คือ
เริ่มทำให้มีพลังงาน“ฌาน”ที่เกิดจากการปฏิบัติตามกระบวนการ“จรณะ 15 วิชชา
8”อย่าง“สัมมาทิฏฐิ”
พ่อครูว่า…คำว่าทำบุญของเขาคือมี 2 อย่าง ทำทานหรือปฏิบัติศีล
เสร็จแล้ว ได้แต่กุศลหรือได้อกุศล หรือได้ทั้งกุศลและอกุศล ไม่ได้บุญเลย
ทำใจในใจไม่ถูก
ทำทาน ทำแล้วได้กุศล ทำแล้ว จิตของคุณเป็นเองว่า ดีใจ ที่เราได้ให้
เป็นกุศล ดีใจที่เราได้ให้ เป็นกุศล ทีนี้ การให้ของคุณไม่เป็นกุศล
ไม่เป็นความดีงามตรงที่คุณให้แล้ว ให้อย่างมีทุจริตผสม
ให้ยังมีกิเลสเป็นประกอบมากขึ้นมากขึ้น ให้อันนี้ไปแล้ว ลงทุนไปร้อย
เราจะได้เป็นแสนเป็นล้าน
เท่าที่นักปรุงแต่งจะสร้างวิธีในการทำทาน เพื่อที่จะได้มามากๆ
ได้มาได้วัตถุ ทำทานแล้วจะได้วัตถุได้มาเป็นลาภยศสรรเสริญโลกียสุข เหมาหมดเลย
ได้ลาภเป็นชิ้นเป็นอัน ได้ยศเป็นตำแหน่ง
ได้คำสรรเสริญว่าคนนี้ให้ทานคนยกย่องเชิดชู แต่คุณมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายมหาศาล
ขอยกตัวอย่างเช่น มหาบัว มีเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนไม่เอาเงินตัวเองนะ
เรี่ยไรคนอื่นหมด เสร็จแล้วไปทาน ยิ่งใหญ่ แล้วบอกว่าเป็นการกอบกู้ประเทศชาติ
เสร็จแล้วก็มีตัวตน
มีตัวตนเป็นความภูมิใจในตัวเองโดยที่ตัวเองไม่ได้เข้าใจหรอกโอโห..ฉันทำยิ่งใหญ่
จะไปเข้าใจว่าฉันทำสิ่งที่ดีสิ่งที่ประเสริฐ มันยั่วยวนนะ มันไม่ใช่ไม่ดีมันดี
เงินนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ เงินเขาเอามาบริจาคให้เรานะ แต่เราไม่เอามาเป็นส่วนตัวเลยมันซ้อน
เอาไปช่วยสังคมให้ประเทศชาติ
เพราะฉะนั้นความมีพบมีชาติในการที่สร้างลาภยศสรรเสริญโลกียสุข
ใส่ในจิตของตัวเอง โดยไม่รู้จักภพชอบเป็นภพชาติให้แก่ตัวเองนี้
นี่แหละคือเป็นอกุศลของความไม่ถูกต้อง คนทำอกุศลกับกุศลนี่ด้วยทั้ง 2 อย่าง มันก็ดีจริงๆกับจิตของคุณที่ไม่ดี
จะมากหรือน้อยก็เป็นอกุศล ทั้งกุศลและอกุศลทั้ง 2 อย่าง
ทีนี้ทานแล้ว นัตถิทินนังหรืออัตถิทินนัง
ทินนัง คือทาน ทานแล้ว, นัตถิ คือไม่มีอานิสงส์ แต่อัตถิ
คือมีอานิสงส์
อานิสงส์ตัวนี้ คือโลกุตระ ถ้าหากเหมาะสมที่ควรจะให้ ให้อาหารแก่คนที่ขาดแคลนอาหารต้องการอาหาร
เขาควรได้อาหารก็ให้อาหารเขา ก็จบ คุณประโยชน์ก็เกิดทันทีจบแล้วสมบูรณ์แบบ
ไม่ใช่เป็นเจ้าบุญเจ้าคุณ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นวิมานเอาไว้กินชาติหน้า
ปริภุญชิตสามีติ (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า…การให้ทานก็น่าเกลัว
พ่อครูว่า…ถ้าทำทานแล้วไม่มีสาเปกโขก็ดีมาก แต่หากมีสาเปกโข
ก็จะมีความผูกพันต่อไปอีก
ทำทานแล้วไม่ต้องไปคิดว่าจะต้องสะสมกอบกองเป็นสมบัติอะไรอีกเท่าไหร่มันก็ไม่ยืดยาดเท่าไหร่
อันที่ 3 ยืดยาดกว่าเป็นสมบัติเป็นเซฟเป็นคลัง สันนิธิเปกโข
สะสมใส่อัตตาใส่ตัวตน มีเซฟใส่เลย จะมีสิ่งที่จะได้
มีสิ่งที่ได้ที่มีที่เป็นแทนที่จะทานอย่างสูญ ก็ทานอย่างไม่สูญ ทานยังมีอะไรต่อ
ก็เป็นคนที่หลงไหลในสวรรค์ 6 ชั้น
เป็นพวกมีภพมีชาติยังไม่สมบูรณ์แบบในการปฏิบัติกิริยาอาการ กรรมกิริยาต่างๆ
มันสั่งสมภพชาติตลอดกาล
อันที่ 4 เป็นกอบเป็นกองเป็นตัวเป็นตน เป็นวิญญาณเป็นภพชาติตายแล้วไปอยู่สวรรค์เป็นเทวดาเสวยวิมานสวรรค์อะไรอีก
เลยเป็นตัวเป็นตนสมบูรณ์แบบเต็มรูปเลย แล้วเข้าใจที่ไหน
ทำทานจะต้องเป็นตัวเป็นตนสมบูรณ์แบบอย่างนี้ทั้งนั้นเลย ศาสนาพุทธ 2500
กว่าปีผ่านไป เข้าใจสัจธรรมเหล่านี้ที่ไหนสอนกันอยู่โครมโครม แต่งบทประณามคาถา
อิมินาสักกาเรนะ
สมบัติ จะเป็นกุศลหรืออกุศลหรือไม่เป็นกุศลหรืออกุศล
แต่มีปัญญาทำทานคือให้สิ่ที่ควรให้ แล้วภพชาติของจิตคุณไม่ต้องไปสร้างต่อเลย
คุณรู้อันนี้สมควรให้ทาน คุณก็ให้ จบในตัว
ในทานสูตรพระพุทธเจ้าตรัสไว้สั้นๆจบในตัว ท่านขยายความอีกพอสมควร
ก็เข้าใจว่าปัจจุบันควรทำทานในสิ่งที่ควร ผู้นี้สมควรได้สิ่งนี้แหละสำคัญ
ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่ามีผลมากมีอานิสงส์มากเรียกว่า
จตุทิสาสังฆิกวิหารทาน ท่านก็อธิบายเป็นโลกีย์ตื้นๆ ว่าสร้างวิหารถวาย
มีอานิสงส์มาก เอามาอ้างเพื่อที่จะสร้างวิหารของตัวเองให้ยิ่งใหญ่ เป็นวิหารวิมานใหญ่
เป็นสถาปัตยกรรมใหญ่ ก็เอามาอ้างว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่านี่แหละเป็น
การทำทานที่มีอานิสงส์สูงใหญ่มาก
จตุทิสาสังฆิกวิหารทาน หมายถึงสงฆ์ที่มาจากทุกทิศ
คือทานที่ไม่กำหนดสงห์ พระเล็กพระน้อยพระผู้ใหญ่ผู้ใหญ่ไม่กำหนด
เมื่อไม่กำหนดแม้สงฆ์ไม่กำหนด แม้ของ เช่น ไปทำสังฆทาน คุณก็เอาของใส่ถังกำหนดไว้
ส่วนใหญ่ท่านเอาไปทิ้งไม่ค่อยได้ใช้หรอกถังสังฆทาน พวกค้าขายก็เหมาไปซื้อ
ซึ่งมันไม่มีความจำเป็นไม่ถูกต้องตามที่เขาขาดแคลน พระนี้ขาดด้าย
ก็เอาด้ายเอาเข็มไปทานได้อานิสงส์มากกว่าไปถวายวิหารอีก
จตุทิสาสังฆิกวิหารทาน วิหารคือสถานที่ปลูกสร้างวิหาร ท่านมีวิหารอยู่
แต่ท่านขาดด้ายขาดเข็ม ไม่มีผลมากเลย ท่านเฟ้อแล้ววิหาร ก็ไปทำวิหารให้อีก
ท่านเป็นพระไม่ใช้เงิน แต่ดันเอาเงินไปถวายอีก เห็นไหมว่ามันไม่เป็นประโยชน์
ไม่เป็นกุศล ไม่เป็นการรู้จักกิเลส เป็นเหตุปัจจัยที่ถูกต้อง แล้วไปทำทานให้วิหารให้ธนบัตรเยอะๆ
ที่จริงคนเสียสละมากแต่มันไม่ตรงกับประโยชน์
ท่านขาดได้ขาดเข็มแต่ดันไปเอาธนบัตรให้ท่าน พระท่านซื้อขายไม่ได้
ท่านไปบอกให้ซื้อให้ขายก็ยังไม่ได้ ท่านขาดด้ายขาดเข็ม จะบอกโยม
นี่เงินเขาเอามาทำทานให้เอาเงินไปซื้อด้ายซื้อเข็มพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้
ด้วยหลักธรรมโดยวินัยพระพุทธเจ้าไม่ได้ ถึงขนาดนั้นเลย
ต้องสอดส่องว่าท่านขาดอะไร ให้ด้ายเข็มก็ให้ท่านไปเย็บชุนเอง
เป็นผู้หญิงไปเย็บให้ท่านก็ไม่ดี อย่างนี้เป็นอานิสงส์สูงมีผลสูง
มันตรงกับสิ่งที่ต้องการ
สิ่งที่เป็นประโยชน์สมกัน
สมณะเดินดินว่า... จบ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น